Day 14 สายพันธุ์พิเศษ

เมื่อผมตื่นขึ้นมา ผมรู้สึกว่าร่างกายของผมเปลี่ยนไปมันดูแปลกตาก่อนที่ผมจะไปนอน เปลี่ยนไปซะผมรู้สึกช็อค ผมว่าต้องเกี่ยวกับสิ่งที่ผมได้ยินในหัวเมื่อวานก่อนที่ผมจะหลับสนิท ผมคิดว่านี่คือการ Rank Up ฮ๊ะ !? โลกนี้มันลึกลับซะจนทำให้ผมตัวสั่น

ไม่ ไม่ไม่ จากประสบการณ์ของผม ผมเข้าใจว่ามันเป็นธรรมชาติที่น่าตื่นเต้นมากกว่าน่ากลัวซะอีก หลังจากที่ฆ่าออร์คและกินพวกมันเมื่อวานนี้ จากร่างกายของมนุษย์วัยเด็กหน่อย ตอนนี้ผมโตขึ้นมาเป็นมนุษย์ช่วงวัยรุ่นในคืนเดียว ทั้งความแข็งแกร่ง ประสาทการรับรู้ และการได้ยิน เพิ่มขึ้นอย่างมากรวมถึงความสามารถที่ผมได้รับมาเมื่อวานนี้ก็เพิ่มระดับสูงขึ้นอีก

มันจะน่ากลัวเกินไปแล้วววว แต่ผมไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรมากกับร่างกายใหม่ของผม ถึงแม้ว่าร่างกายผมจะเติบโตขึ้นอย่างมาก แต่มันไม่ได้รู้สึกเจ็บกล้ามเนื้ออะไรเลย ถึงจะชั่วคราวแต่ผมรู้สึกถึงพลังอำนาจอย่างหาที่เปรียบมิได้ ประหลาดหรอ ? คงงั้นมั้ง


ตอนนี้ ถ้าหากผมเป็นคนปกติสามัญ ผมน่าจะมีความสุขมากจากสิ่งต่างๆที่ผ่านมาและคงไม่ได้รู้สึกใกล้เคียงถึงพลังมากขนาดนี้

นี่สินะที่เรียกว่า โลกนี้มันโหดร้าย


เอาล่ะ ตอนนี้มีสิ่งที่น่าสนใจกว่านี้อีกนั่นคือก๊อบคิจิที่ตัวโตขึ้นกว่าเดิมมากและเขาก็ยังดูสับสนไม่แพ้กัน ดูเหมือนว่าเขาจะผ่านเลเวล 100 หลังจากการต่อสู้กับออร์คเมื่อวานนี้ ทำให้เขาได้รับการ Rank Up ขึ้นด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามสีผิวของเขานั้นไม่ได้เปลี่ยนเป็นสีดำเหมือนตัวผม สีผิวของก๊อบคิจิยังคงเป็นสีเขียวเหมือนคนอื่นๆ สิ่งที่น่าสนใจที่สุดเลยก็คือใบหน้าของเขา ใบหน้าเขาไม่ได้ดูเหมือนก๊อบลินที่น่าเกลียดแบบคนอื่นๆแล้ว แต่ยังคงไว้ซึ่งหน้าตาไร้เดียงสาตามแบบฉบับของเขา ส่วนใบหูยังชี้ขึ้น และจมูกงอเหมือนเดิม แถมยังมีความคล้ายคลึงมนุษย์มากขึ้นด้วย ถ้าไม่ติดที่ว่าสีผิวเป็นสีเขียวเขาก็คงจะเข้าใกล้ความเป็นมนุษย์มากขึ้น

หืม ? เกี่ยวกับตัวผมงั้นหรอ ? ผมก็สงสัยไม่แพ้กัน ผมจึงนำใบมีดมาสะท้อนเป็นกระจกมองดูตัวเอง ที่ผมเห็นก็คือผมมีใบหน้าคล้ายกับตัวผมเมื่อก่อนตอนยังเป็นวัยรุ่น อีกทั้งยังมีผิวสีดำไปทั่วทั้งตัว ใช่แล้วนี่มันทำให้ผมรู้สึกตะลึงไปชั่วขณะเลย สำหรับตอนนี้ผมได้ลุกจากที่นอนและคว้าหนอนข้างผนังมาเคี้ยวเล่นตั้งแต่หัวเพื่อสงบสติลงเล็กน้อยแล้วค่อยลากก๊อบคิจิไปหาปู่ก๊อบลิน เพราะผมไม่ได้ให้แกทำอะไรเหมือนคนอื่นๆ ทำให้ปู่ก๊อบลินไม่ค่อยจะมีที่ประจำเป็นหลักเป็นแหล่ง ผมรู้สึกว่ามันจะเสี่ยงเกินไปเพราะงั้นผมจะไม่พูดถึงกรณีที่ผมได้รับพรจากพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ตอนนี้คือ

1. เมื่อกลายเป็น ฮ้อบก๊อบลิน ร่างกายของผมจะเริ่มใกล้เคียงมนุษย์ ทำให้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก บางส่วนยังไปอาศัยอยู่ในเมืองมนุษย์อีกตะหาก อย่างไรก็ตามก๊อบลินที่อยู่ร่วมกับมนุษย์นั้นส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นทาส ส่วนพวกที่มีรูปร่างดีก็กลับกลายเป็นทาสกามของพวกมนุษย์สันดานเสียอีก

2. สิ่งที่ผมแตกต่างจากก๊อบคิจิก็คือสีผิว เพราะเหมือนผมจะกลายเป็นสายพันธุ์พิเศษ โดยทั่วไปแล้วสายพันธุ์พิเศษจะมีความแข็งแกร่งและความสามารถมากกว่าคนปกติ เงื่อนไขในการเคลียร์สายพันธุ์พิเศษนั้นไม่ค่อยมีใครทำได้จึงไม่มีใครพบเห็นมากก่อน ดังนั้นพวกเขาเลยมองผมเป็นพวกผิดปกติไปซะงั้น

3. นอกจากนี้ สีผิวของผมเป็นสีดำ สีดำที่เป็นสีสัญลักษณ์ของพระเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดของโลก เป็นหนึ่งในผู้ที่ควบคุมจุดเริ่มต้นและจุดจบของบางสิ่งบางอย่าง ท่ามกลางสายพันธุ์พิเศษนั้นเป็นที่หายากมากและมีความแข็งแกร่งอย่างแท้จริงพร้อมทั้งยังได้เรียนรู้เวทมนต์ที่แข็งแกร่งอีก ด้วยความศรัทธาของพระเจ้าองค์นี้ผมรู้สึกเหมือนได้กลายเป็นที่เคารพบูชาไปด้วย แต่ในกรณีเลวร้ายผมคงต้องระวังตัวซักนิดนึงสำหรับพวกคลั่งศาสนา เพราะอาจจะจับตัวผมไปเป็นสื่อเรียกพระเจ้าก็เป็นได้

4. ปู่ก๊อบลินกล่าวว่ามันเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากที่พวกผมเลื่อนเป็นฮ้อบก๊อบลินในเวลาไม่ถึงเดือนหลังจากเกิด ปู่ก๊อบลินยังพูดต่ออีกว่า จากก๊อบลินจำนวน 40 คน มีแค่ 3 คนเท่านั้นที่กลายเป็นฮ้อบก๊อบลิน

5. เช่นเดียวกัน เพราะก๊อบคิจิและผมกลายเป็นฮ้อบก๊อบลินแล้ว พวกเราจึงได้รับอนุญาติให้ใช้งานพวกผู้หญิงมนุษย์ที่อยู่ในถ้ำข้างในได้ รวมถึงสมบัติอะไรก็ได้ข้างในนั้นถ้าหากพวกเราต้องการ

โอ้...งั้นหรอ ?

....ใช่ มันเป็นอะไรที่ฟังแล้วยืดยาวสุดๆ ผมเลยไม่ค่อยสนใจมากเท่าไหร่ ปู่พยายามเน้นย้ำจุดสำคัญผมอีก 3 รอบ ผมเลยพูดแทรกขึ้นมานิดหน่อยว่า ไม่มีอะไรในโลกนี้น่ากลัวเท่าศาสนาอีกแล้ว มากไปกว่านั้นผมยังได้รับการพรและลักษณะเฉพาะของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่อีก มันทำให้ผมคิดว่านี่กลายเป็นปัญหามากกว่าความคุ้มค่า ผมคิดว่าผมต้องซ่อนรูปลักษณ์นี้ไว้ก่อน

วันนี้ผมคาดว่าเราน่าจะเลื่อนการล่าสัตว์ออกไปก่อน ผมอยากจะมีประสบการณ์ฝึกศิลปะการต่อสู้ร่วมกับก๊อบคิจิ เพื่อให้ตัวเองคุ้นเคยกับร่างใหม่เสียก่อน มันเป็นการซ้อมที่รุนแรงมากๆ ดูเหมือนก๊อบคิจิยังคงไม่รู้วิธีใช้พลังที่มากมายของตัวเองเช่นกัน ด้วยประสบการณ์ที่ต่างกันทำให้ผมไม่มีทางแพ้ก๊อบคิจิแต่ก็ทำให้ผมได้รู้ว่า ก๊อบคิจินั้นแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก เป็นดั่งที่ผมคาดหวังไว้ว่าเขาเชี่ยวชาญในตำแหน่งแนวหน้าพอสมควร

เขาไม่ได้ฉลาดมากมายหรือว่องไว แต่เขาทดแทนด้วยความบ้าพลังและพลังป้องกันที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจึงทำให้เขาเป็นตัวแท้งและตัวทำดาเมจที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อพวกเราได้ข้อสรุปของการต่อสู้ ช่วงบ่ายผมจึงทุ่มเทให้กับการทำชุดใหม่ เนื่องจากชุดเก่ามันเล็กและเก่าเกินไป ตั้งแต่ผมได้เติบโตขึ้น เขากระต่ายและมีดอ๊อปซิเดี้ยนมันเลยดูเล็กเกินกว่าที่ผมจะใช้งานได้ ผมคงต้องหาอะไรที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ 

อย่างไรก็ตาม วันนี้ผมคงต้องอดทนกับมันไปก่อนแต่เพียงแค่ผมใช้พิษของตัวเองเป็นอาวุธก็ยังง่ายต่อการเอาชนะในการจัดอันดับการประลองอยู่ดี นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมกำหนดการของวันนี้ผมเน้นไปที่การกักตุนวัตถุดิบจากพก แรคคูนเกราะ , งูรัตติกาล และมอนสเตอร์อื่นๆที่พอจะนำมาสร้างเป็นชุดเกราะใหม่ได้

ผมใช้เปลือกจากแรคคูนเกราะ และหนังงูมาสร้างเป็นอุปกรณ์ใหม่ ผลของมันออกมาน่าพอใจมาก เกราะที่ผมสร้างขึ้นใหม่มีแสงแวววาว มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพสูง มันดูเรียบง่ายเพราะพื้นฐานของมันมาจากเกราะหนังสัตว์ ผมไม่ได้ทำให้มันคลุมไปทั้งหมด แต่มันดูเหมือนชุดหนังสีน้ำตาลอ่อนที่มีความยาวไปทั้งแขนและขา มันดูโอเคเลยทีเดียว เพราะเปลือกแข็งถูกติดไว้ตรงส่วนที่คาดว่าจะรับความเสียหายได้มาก ผมคิดถึงความคล่องตัวในการเคลื่อนไหวด้วยเพราะงั้นผมจึงติดชิ้นส่วนในจุดที่ทำให้มันไม่ลำบากต่อการเคลื่อนไหว 

ผมเสร็จสิ้นการคราฟชุดเกราะให้ก๊อบมิจัง ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำให้เนื่องจากวัตถุดิบไม่เพียงพอ เนื่องจากส่วนใหญ่ของชุดเป็นค้างคาว 7 สีมันเลยดูเป็นชุดที่ฉูดฉาดมากๆ ค่อนข้างให้ความเป็นชุดประจำชาติซักที่ใดที่หนึ่ง

ส่วนอาหารในคืนนี้ก็เป็นพวก ฮอร์น แร้บบิท ที่จับมาโดยพวกก๊อบลินตัวอื่นๆ มันก็ไม่ได้เติมเต็มกระเพาะผมหรอกนะ แต่เพราะรสชาติที่อร่อยของมัน งั้นผมจะยกโทษให้พวกเขาละกัน...






แปลโดย : Shiba Inu