Day 42 ระบบเวทมนตร์

ในบรรดาลูกน้องที่เป็นฮ็อบก็อบลินของผม 5 คน มี 2 คนเหมาะสมที่จะเป็นนักเวทย์

ดังนั้นผมจึงให้พวกเขาไปอยู่ในการดูแลของ ฮ็อบเซย์ ที่เป็นหน่วยเวทมนต์เพื่อที่จะให้เริ่มฝึกเวทมนต์ทันที

ฮ็อบเซย์เป็นก็อบลินที่ศึกษาเวทมนต์จากตำราในห้องเก็บสมบัติที่ปล้นมาจากนักเดินทาง ในตอนแรกเธอก็ยังไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องระบบทั้ง 3 ของเวทมนต์เหมือนกัน 

ผมได้ยินมาว่าเธอมักจะใช้เวลาอยู่กับห้องเก็บสมบัติและศึกษาแต่ตำราเวทมนต์ตลอด

แต่ละคนจะมีความถนัดของเวทมนต์แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่นผมถนัดการใช้เวทแห่งความตาย 

ส่วนฮ็อบเซย์ถนัดเวทมนต์ไฟและถ้ายิ่งระดับความสามารถของเวทมนต์สูงก็จะสามารถใช้เวทมนต์ที่ร้ายกาจขึ้นได้อีก

แต่มีเพียงเวทมนตร์ที่เหนือกว่านี้ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้นที่พวกเขาจะไม่สามารถจัดการร่ายคาถาในระบบอื่นๆของมันได้

ก็ถือว่าคาดหวังได้พอสมควรเพราะพวกเขายังไม่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์ที่ตนเองมีอยู่


แต่ฮ็อบเซย์เธอใช้เวลาที่มีในการรวบรวมหนังสือเกี่ยวกับเวทมนต์ต่างๆทั้ง 3 ระบบและสอนให้กับเหล่าลูกน้องได้อย่างดีจึงถือว่าไม่มีปัญหา

ดูเหมือนว่าฮ็อบเซย์เธอจะดูมีความสุขเพราะพึ่งจะมีคนมาให้เธอสอนเกี่ยวกับเวทมนต์และเธอก็สอนเหล่าฮ็อบก็อบลินได้อย่างดี เธอได้ให้หนังสือผมมาอ่านเล่มนึงเพื่อที่จะไม่ให้ผมเข้าไปยุ่งการสอนของเธอ

" โอ้วว ช่างเป็นภาพที่น่าชมจริงๆ" ผมพูดขณะทำการเรียนรู้ระบบของเวทมนต์ไปพลางๆ เช่น ไฟและน้ำ ถูกสร้างขึ้นมาในการโจมตี ส่วนเวทแห่งความตายที่ผมใช้สร้างหอกทมิฬขึ้นมาในการโจมตีซึ่งมีความรุนแรงสูงเลยทีเดียว

เยี่ยม ! ดูเหมือนคุณลักษณะการสร้างเวทมนตร์จะเริ่มโผล่ขึ้นมาให้เห็นชัดเจนโดยเจ้าสิ่งนี้จะช่วยให้ใช้เวทย์โดยไม่ต้องร่ายคาถานำ แต่สำหรับคนอื่นๆแล้วผมคิดว่ามันคงจะยากไปซักหน่อยสำหรับการถึงเวทมนตร์ออกมาใช้งานซึ่งถ้าหากทำการร่ายไปแล้วครึ่งหนึ่งจะไม่สามารถใช้เวทมนตร์อื่นๆได้ในขณะนั้น แต่สำหรับผมมันดูง่ายดายมากๆ

ดีล่ะ! ตอนนี้ผมควรจะหันมาสนใจรายละเอียดย่อยจำพวก [Pyrokinesis] และ [Electro master] ซึ่งจะเป็นการดีกว่าเพราะฝ่ายตรงข้ามจะได้ไม่รู้ว่าผมจะทำอะไร

แต่ก็ยังคงมีปัญหาอยู่เนื่องจากเวทมนตร์บางอย่างยังไม่สามารถนำมาใช้งานได้หลากหลาย เพราะงั้นมันคงไม่ดีนักถ้าหากจะเอามาใช้ในสถานการณ์จริง

หลังจากนั้นประมาณ 3 ชั่วโมงผมก็ได้หยิบหนังสือเล่มใหม่ของฮ็อบเซย์ขึ้นมาอ่านและในที่สุดพบก็ได้พบกับสกิลของผมอันนึงนั่นก็คือ [Job-Enchanter]

เยี่ยมไปเลย ! อย่างเช่น [Job-Bishop] จะแตกต่างกับ [Job-Druid] แต่มีบางส่วนที่มีความคล้ายกันมาก จึงทำให้ผมใช้งานได้อย่างรวดเร็ว แต่ [Job-Enchanter] แตกต่างกันอย่างสินเชิงเหมือนมาเปรียบเทียบกับ [JobMagician] ดังนั้นผมจึงยังไม่สามารถใช้เวทมนต์ได้อย่างชำนาญ

นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมให้ความสนใจกับเวทมนต์เพียงแค่ครึ่งนึงจนกระทั่งตอนนี้

โอ้วว !! มันช่างเหมาะอะไรกับผมขนาดนี้ [Magician] เป็นพื้นฐานการใช้เวทมนต์ไปยังพื้นที่โล่งในขณะที่ [Enchanter] เหมือนเป็นศิลปะในการสร้างรูปแบบขึ้นมาแล้วขวางมันออกไป 

ใช่แล้ว ตอนนี้ดูเหมือนผมจะใช้เวทมนตร์ได้แตกต่างไปจากเดิมละ

แต่มันก็ยังคงมีบางส่วนที่ยากพอสมควร ผมจึงไปหาสาวนักทำอุปกรณ์เนื่องจากเธอเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับ [Enchanter] มาก่อน

ทันทีที่เธอเห็นหน้าผม เธอทำหน้าบุ้ยปากเหมือนจะอารมณ์เสียใส่ผมจนทำให้ผมรู้สึกสับสนเล็กน้อย จากนั้นเธอก็ขอให้ผมช่วยทดลองใช้สิ่งต่างๆที่เธอทำขึ้น ผมรู้สึกหลงเสน่ห์เจ้ามีดที่ทำจากหินวิญญาณบและของที่ทำจากเหล็กมากๆ

ผลของมีดที่ทำจาก Fire Spirit Stones สามารถยิงไฟได้แรงขึ้น ส่วนตัวที่ทำจาก Water Spirit Stones สามารถพ่นน้ำได้มากขึ้น ในขณะที่ความแข็งแรงและความคมของมีดก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน

เยี่ยมไปเลย ! ผมรู้สึกเซอร์ไพร้มากๆเพราะ [Enchanter] สามารถทำให้ความสามารถของอาวุธที่มีหินวิญญาณมีความสามารถสูงขึ้นได้อีกด้วย

ผมเห็นซากความล้มเหลวด้านหลังของเธอกองเป็นภูเขา มันทำให้ผมรู้สึกดีถึงความตั้งใจของเธอ....

อัตราความสำร็จของมันจะต่ำถ้าระดับของ Enchanter ไม่สูงมากพอ หลังจากนั้นผมก็ออกไปล่าสัตว์ตามปกติ กลับมากินอาหารแล้วก็เข้านอน....