ผมรู้สึกถึงบางอย่างผิดปกติกับความสามารถ [Sense Presence] ของผม
หลังจากที่ผมเลเวลอัพมาความสามารถในการตรวจจับมันก็สูงขึ้นซึ่งจะตรวจจับ เป้าหมายพร้อมกับระบุชื่อของ
เป้าหมายได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรู มันช่างเป็นความสามารถที่มีประโยชน์ขึ้นมาในอีกระดับแล้ว
ก็อบคิชิมาหาผมพร้อมกับลูกน้องของเขาอีกสองคนเพื่อเรียกให้หมดไปดู แต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะออกไปจากที่นอนได้
เพราะมีเหล่าสาวๆ นอนกอดผมไว้
ผมไม่อยากจะทำให้สาวๆตื่น เพราะพวกเธอเหนื่อยล้ าจากการเล่นสนุกกันทั้งคืนผมจึงใช้ความสามารถ
[Metamorphosis] ความสามาถในการเปลี่ยนแปลงร่างกายเพื่อที่จะไม่ปลุกให้พวกเธอตื่น
จากนั้นผมก็เดินออกจากห้องพักที่ผมใช้ด้ายปิดทางเข้าไว้แล้ วผมก็คุยกับก็อบคิจิบอกว่ามีสิ่งที่ชีวิตที่รูปร่างเหมือนคน
แต่มีหูยาวทำท่าวางมาดมายืน อยู่ที่ทางปากถ้ำสามคน
ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ ฆ่าหรือการเชิญเข้ามาในถ้ำ มันคือการตัดสินใจที่สำคัญที่ผมในฐานะผู้นำจะต้องเป็นคนสั่ง เพราะ
พวกก็อบลินพวกเขาไม่สามารถทำการตัดสินใจได้จึงได้แต่ให้พวกแปลกหน้ายืน รอแต่ทางปากถ้ำแทน
แต่ตอนนี้ผมหยิบขวด(ที่ภายในเต็มไปด้วยน้ำจากทะเลสาบ)จาก[item box] ของผม ผมรีบล้างตัวด้วยน้ำภายขวด
เพื่อให้ตัวเองดูสะอาดขึ้นไม่มากก็น้อยและจากนั้น ผมก็ออกไปพบพวกเขา
คนแปลกหน้าพวกนี้เป็น เอลฟ์ หนึ่งในนัเนเป็นผู้ชายและผู้หญิงสองคนที่มีอาวุธครบมือมองดูดีๆแล้วเหมือนเป็นพี่เลี้ยงมากกว่า
ทั้งสามคนมีลักษณะเหมือนมนุษย์ทั้งชุดที่ใส่ผู้ หญิงสองคนสวมเกราะเหล็กที่ดูๆไปแล้วคุณภาพของมันค่อนข้างสูงเลยทีเดียว เพียงเท่านี้ผมก็พอจะคาดเดาสถานะของพวกเขาได้แล้ว
จากลักษณะเครื่องประดับแต่ละชิ้น จี้ที่ห้อยอยู่ข้างสะโพกของผู้หญิงเป็นไอเทมเวทมนต์ระดับ [Rare]แล้ วก็ชิ้นอื่นๆ ยัง
มีแหวนสร้อยข้อมือของทั้งหมดนี้เป็นไอเทมเวทมนต์ระดับ [Rare] เหมือนกัน
ถ้าคุณไม่มีสถานะทางสังคมที่เหมาะสมคุณก็ไม่มีทางที่จะมีอุปกรณ์ที่มีคุณภาพระดับนี้ได้
อุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูงส่วนใหญ่จะถูกนำออกมาจากดันเจี้ยนมันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ว่านักผจญภัยที่มีระดับสูงๆก็มักจะมีอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูงเช่นกัน
แต่ผู้ที่ไม่ได้เข้าไปพิชิตดันเจี้ยนแปลว่าคุณจะต้องเป็นคนที่รวยมากพอที่จะซื้ออุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูงๆได้
ในขณะที่พวกเขาใช่คำพูดที่รุนแรงเช่น "พวกข้ามาโดยไม่มีการนัดหมาย"
แต่พวกเขาคิดว่าตัวเองนั้นเป็นพวกคนสำคัญที่จะต้องมีการต้อนรับ
ตอนนี้ผมอยากจะฉีกพวกเขาออกเป็นชิ้นๆแล้วก็กินไม่ให้เหลือในหัวของผมตอนนี้มีคำถามขึ้นมาในหัว มันดูเหมือนว่าพวกเรากำลังตกอยู่ภายใต้อำนาจของพวก เอลฟ์
สิ่งที่พวกเขาต้องการจะสื่อการบทสนทนาที่แสนจะยาวนานในครั้งนี้ดูเหมือนว่าจุดหลักคือการที่พวกเขาต้องการให้เหล่าก็อบลินติดตามที่อยู่ภายใต้การดูแลของผมกลายเป็นลูกน้องของเขาซึ่งดูเหมือนจะหมายถึงการเป็นทาสนั่นเอง
นอกจากนี้ได้ข้อมูลมาว่ามีพวกมนุษย์กำลังรวมตัวกันเพื่อที่จะโจมตีเอลฟ์ เพื่อที่จะเอาสมบัติในเร็วๆนี้พวกเขาเลยต้องการตัวเบี้ยที่มีความแข็งแกร่งไปช่วยรบ
พวกเขาจึงสรุปว่าผมเป็นตัวเลือกที่ดีเพราะผมฆ่าเจ้าแห่งภูเขา "หมีเพลิง" ซึ่งดูเหมือนจะกลายเป็นข่าวลือเมื่อเร็วๆนี้การที่เป็นโอเกอร์แล้วสวมเกราะที่ทำจากขนของหมีแดงที่เป็นสีแดงมันดูโดดเด่นเลยทีเดียว
ผลตอบแทนที่พวกเขาเสนอให้กับผมคืออาหารจำนวนมากและอุปกรณ์เวทมนต์ระดับ [Unique] และให้เอลฟ์ สาวผู้ที่ติดตามเขาอีกสองคน
การที่จะซื้ออุปกรณ์เวทมนต์ระดับ [Unique] ถึงแม้ความสามารถมันจะเลวร้ายก็ตามราคาก็อยู่ทีประมาณ สิบล้านทองและแน่นอนว่าราคาจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความสามารถของอุปกรณ์และดูเหมือนว่าอุปกรณ์บางชิ้นของพวกเขามีมูลค่าไม่ต่ำกว่าสามสิบล้านทอง
เอลฟ์ สาวผู้ติดตามทั้งสองคนพวกเธอช่างสวยงามมากถึงมันจะไม่ถูกต้องที่ผมจะคิดแบบนี้แต่พวกเธอสวยกว่าแม่สาวผมแดงและผู้หญิงคนอื่นๆจริง ก็อย่างที่ผมบอกความสวยมันขึ้นอยู่กับสายตาของคนมอง
ผมค่อนข้างประหลาดใจกับรางวัลที่พวกเขาเสนอและพวกเขายินดีที่จะให้รางวัลมากกว่านี้ถ้ามันสุดปัญญาแล้ว แม้ใบหน้าของพวกเขาดูสงบเยือกเย็นแต่พวกเขาก็จะไม่สามารถสู้กับพวกมนุษย์ได้
การต่อสู้เป็นเรื่องของตัวเลขในท้ายที่สุดแล้วแม้ว่าจะมีบุคคลที่แสนฉลาดแต่ก็ไม่สามารถสู้กับจำนวนฝ่ายตรงข้ามที่มีจำนวนมากกว่าได้อยู่ดี
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาพวกเราแข็งแกร่งขึ้นและด้วยร่างกายของผมที่อยู่ในระดับสูงพร้อมกับอุปกรณ์ที่ได้จากดันเจี้ยนจึงทำให้ผมไม่ทำตามที่พวกเขาต้องการ
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการทำลายความภาคภูมิใจของสองเอลฟ์สาวที่ถูกยกให้ผม
ผมกำลังคิดหาวิธีที่จะปฏิเสธข้อเสนอนี้แต่สำหรับความสัมพันธ์ระยะยาวก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน
ผมจึงสรุปเรื่องนี้โดยกล่าวไปว่า "ทำไมฉันจึงควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ของคุณด้วยละ? "
มนุษย์ที่ด้อยกว่าก็ไม่ได้เป็นปัญหาให้กับผมและผมก็ไม่ได้มีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยดังนั้นผมจึงไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งของมนุษย์และเอลฟ์
แต่ไม่ว่าสงครามจะดีหรือแย่สำหรับผมมันเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้รับความสามารถใหม่ๆอีกมากมายและผลตอบแทนที่ทำให้ผมพอใจอีกด้วย
พวกเขามีจำนวนอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูงเป็นจำนวนมาก ทั้งหมดที่เกิดขึ้นถ้าสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตแล้วละก็ ผมอยากจะตะโกนพวกเขาให้พวกเขาแสดงให้พวกเราเห็นความจริงใจบ้าง
"อย่างน้อยเจ้าควรจะเจียมตัวเสียบ้าง" ผมเตือนพวกเขาแต่ภายในคำพูดของผมไม่ได้มีความหมายอะไรลึกซึ้ง
ไม่กี่วินาทีต่อมาใบหน้าของ เอลฟ์ ผู้ชายเปลี่ยนจากสงบเยือกเย็นกลายเป็นใบหน้าของของพวกโง่ เห็นได้ชัดว่า เขาจะไม่ถูกปฏิเสธ โอเกอร์ที่พบได้บ่อยส่วนมากจะเป็นพวกที่มีแต่กล้ามเนื้อแต่ไม่มีสมอง ผมเชื่อว่าเขาก็คิดว่าผมเป็นเช่นนั้น ก่อนที่พวกเขาจะพูดอะไรผมจ้องไปที่เขาอย่างเงียบๆ
ผมใช้ [Evil eye] [Intimidating Glare]และ[Intimidation of the Strong] ทำงานพร้อมกันและได้ผลอย่างดีเยี่ยม
มันมีเรื่องที่คิดไม่ถึงอีกอย่างก็คือคุณไม่สามารถหายใจได้ถ้าหากผมไม่ยกเลิกความสามารถ [Intimidation of the
Strong]
ในที่สุดแล้วพวกเขาก็สามารถหายใจได้ใบหน้าของพวกเขาแสดงความหวาดกลัวซึ่ง มันทำให้ผมรู้สึกสะใจจึงเผลอยิ้มออกไปเลยทำให้พวกเขากลัวผมมากยิ่งขึ้นเพราะใบหน้าของพวกโอเกอร์นั้นมีความน่ากลัวอยู่แล้วด้วย
ผมรู้สึกพึงพอใจกับผลรับที่ได้จากนั้นผมเดินเข้าไปใช้แขนแขนเงินของผม คว้าคอของเขาขึ้นมาแล้วโยนลง ผมสั่งให้
เอลฟ์ ชายบอกให้เหล่าเอลฟ์ที่ซ่อนอยู่ในป่าวางธนูลงซะ ทันใดนั้นลูกศรถูกยิงมาที่ใบหน้าของผมแต่ผมสามารถหยุดมัน
ได้ผมใช้ปากรับลูกศร
ผมกระทืบพื้นแล้วก็กินลูกศรเข้าไป ผมจ้องมองพวกที่ซ่อนอยู่ในป่าและบอกว่าให้พวกเขาทำอะไรก็ได้แต่ถ้าทำแล้วผมจะเข้าไปหักคอพวกเขาทิ้งซะ ผมพูดไปพร้อมกับยิ้มให้กับพวกเขา
ฉันยิ้มให้กับเอลฟ์ ชายผู้ที่เป็นคนออกคำสั่งให้ทุกคนไม่ว่าคนที่ทำตามหรือไม่ทำตามฉันรู้หมดทุกคนผมใช้ความสามารถ [Enlarged Field of Vision] และ [Predict]
จากนั้นผมจึงตะโกนบอกกับเอลฟ์เหล่านั้น
"ข้าไม่อยากมีส่วนร่วมในคำเชิญนี้ ดังนั้นข้าจะปฏิเสธมัน ณ ตอนนี้แต่ถ้าเมื่อพวกเจ้าถูกมนุษย์รุกรานแล้วละก็ข้าจะไม่ลังเลที่จะไปช่วยเหลือพวกเจ้าเลย เพราะพวกเราอาศัยอยู่ในป่าเดียวกัน ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะทำเช่นนี้"
"แต่ถ้าพวกเจ้ากำลังคิดจะแก้แค้นทำร้ายเหล่าลูกน้องของข้าแล้วละก็ข้าจะฉีกพวกเจ้าเป็นชิ้นๆแล้วกิน ไม่ว่าจะเป็นพวกเจ้าหรือพันธมิตรทั้งหมดของพวกเจ้าข้าจะฆ่ามันทั้งหมดแล้วก็กินให้หมด"
ผมใช้ [Intimidation of the Strong] อีกครั้งแต่คราวนี้ผมใช้กับเอลฟ์ทุกตนที่อยู่บริเวณนั้นเพื่อให้ความรู้สึกนี้ฝังเข้าไปยังในหัวของพวกเขาและจะทำให้มันง่ายกว่าผมเอา Kazikli Bey ซึ่งเป็นหอกของผมออกมาจาก Item box ผมปักลงพื้นและใช้ความสามารถของหอก [Army of Blood-dyed Crimson Spears(Tepes)] ที่จะสร้างหอกใส่ศัตรูที่อยู่ในบริเวณนั้น
หอกมากมายปักอยู่ข้างหน้าเอลฟ์ทุกคน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะซ่อนตัวและผมไม่สามารถมองเห็นตัวของพวกเขาหอกก็จะไปปักใส่เช่นกัน
หลังจากที่ผมแสดงความสามารถของหอกให้พวกเอลฟ์ได้เห็น ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและวิ่งจากไป
ผมไม่ค่อยเข้าใจทฤษฎีของ Kazikli Bey หอกของผมสักเท่าไรแต่ดูเหมือนหว่าเมื่อผมปักหอกลงพื้นแล้วทุกอย่างในรัศมี 100 เมตรจากจุดที่ปักจะเกิดฝนหอกขึ้นมา ซึ่งความสามารถนี้ผมพึ่งเคยใช้เพียงสองครั้งเท่านั้น
ความคมและความยาวของมันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับโอเกอร์ มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับการ "เจาะทะลวงและแทงเป็นอย่างมาก"
แต่มีอุปกรณ์เวทมนต์ที่มีลักษณะคล้ายๆแบบนี้อยู่อีกมากในโลกนี้ เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ
จากที่ผมได้เรียนรู้ในระหว่างการสนทนากับแม่สาวผมแดงและหญิงสาวคนอื่นๆ ถ้าผมคิดว่านี้เป็นโลกจินตนาการที่ไม่จำเป็นต้องใช้หลักของเหตุและผลเพราะทุกอย่างล้วนอยู่สูงกว่าเทคโนโลยีที่โลกเดิมมี
บางคนบอกว่าสิ่งประดิษฐ์ [Artifacts] ทำมาจากกระดูกของพระเจ้า แต่ผมยังคงรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่สร้างมาจากอารยธรรมในปัจจุบัน
ผมยังสงสัยว่าพวกเอลฟ์จะกลับมาแก้แค้นหรือเปล่า มันไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่ผมจะไม่บอกว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้น เดี๋ยวผมคงต้องคิดหาวิธีป้องกันถ้ามันจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้
อ่อ ใช่
เห็นได้ชัดว่าเจ้าหนุ่มเอลฟ์คนนั้นจะกลายเป็นหัวหน้าคนต่อไป เขาคิดว่าเขาเหมาะสมมากจากในความคิดของเขา
หมู่บ้านของพวกเอลฟ์ อยู่ลึกเข้าไปในยังพื้นที่ที่ผมยังไม่ได้เข้าไปสำรวจ ไม่แน่ครั้งต่อไปที่ผมออกไปข้างนอกคงได้ไปเจอกันอีก
โดยผมที่จะคาดเดาและสรุปความหมายของพวกเอลฟ์ ได้ด้วยภาษาของออค
ถึงจะไม่รู้ภาษาของพวกเขาแต่การใช้คำพูดไม่ต่างกันมากนักจึงไม่ได้เป็นปัญหาให้กับผมเท่าไร
นี่คือวิธีที่ผมเข้าใจคำพูดของเอลฟ์ ผมยังไม่มีความสามารถในการฟังหรือพูดภาษาเอลฟ์ เพราะผมยังไม่ได้กินพวกเขา
ผมใช้ความสามารถในการที่จะช่วยให้เข้าใจความหมายของคำพูดของพวกเขาคือความหมายในภาษาของพวกเขา
ตัวอย่างเช่น เยี่ยม กลายเป็น เหนื่อย? และน่ากลัว กลายเป็น น่าเบื่อ?
หลังจากผมไล่พวกเอลฟ์ ไปแล้วผมก็ออกไปล่าสัตว์ตามปกติ ดูเหมือนราตรีนี้ยังอีกยาวไกล