Day 47 เอลฟ์ยกทัพ

เมื่อผมตื่นขึ้นมาตามปกติ [Intuition] เริ่มดังแจ้งเตือนขึ้น

มันส่งเสียงเตือนผมว่าผมควรจะอยู่ในถ้ำและซ่อนตัวเองอย่างเงียบ ๆและอย่าออกไปไหน ถ้าหากออกไปจะต้องรู้สึกเสียใจภายหลังแน่ๆ

ผมจึงเปิดใช้งานสกิล [Hiding] ซึ่งได้รับมาจาก [Job-Assassin] และ [Conceal Presence] ในเวลาเดียวกันผมก็มุ่งหน้าไปหา สาวนักทำอุปกรณ์ , ฝาแฝด , สาวนักปรุงยา และสาวผมแดงที่บ้านของเธอด้านในของถ้ำว่าพวกเธอโอเคมั้ย

ผมรู้สึกผ่อนคลายเพราะเมื่อเร็วๆ นี้ การสำรวจพื้นที่ที่ไม่เคยไปนั้นกลายเป็นงานอดิเรกของผมไปซะแล้ว
เมื่อวานนี้ผมได้สร้างร่างโคลนของตัวเองด้วยเลือดของผมที่มีความสูงเท่ากับเอวของผม ความสามารถโดยรวมของมันลดลงครึ่งหนึ่งเนื่องจากว่ามันทำงานได้อย่างอิสระทั้งและยังมีการตัดสินใจได้ด้วยตัวของมันเองอีกด้วย

ร่างโคลนนี้มีความสามารถจาก [Infused Liquid Restoration] ที่ผมได้รับจาก Gray Slime ซึ่งถ้าหากมันสูญเสียแขนหรือขาไป ผมก็สามารถดูดของเหลวมารักษาได้ในระดับหนึ่ง

ความสามารถในการสู้รบในปัจจุบันค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับตัวผม แต่ก็ยังมีความแข็งแกร่งพอสมควรดังนั้นจึงจะไม่ถูกฆ่าได้ง่ายๆแน่นอน นอกจากนี้ยังสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว

ผมลองใช้ [Metamorphosis] กับร่างโคลนเปลี่ยนรูปลักษณ์ของมันไปเป็นหมาป่าขนาดใหญ่และวิ่งออกไปข้างนอก หลังจากที่ได้ส่งออกไปแล้ว ผมจึงเดินกลับเข้าไปด้านใน



ผมได้มอบหมายให้ก๊อบลินจากรุ่นของผมที่อยู่กลุ่ม « Patri » [กลุ่มที่มีหน้าที่หลักในการขุดเหมือง หาแร่] เพื่อช่วยสนับสนุนสาวนักทำอุปกรณ์เพราะมันจะไม่สะดวกถ้าหากเธอจะทำทั้งหมดด้วยตัวเอง

ผมใช้เวลาเล็กน้อยในการพูดคุยกับสาวๆ ทั้งไปชิมอาหารใหม่จากสองฝาแฝด , ช่วยกันวิเคราะห์ขวดยาที่ได้รับจาก Velvet กับสาวนักปรุงยา หลังจากที่ทุกอย่างเสร็จสิ้น

แล้วจู่ๆก็เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น

ผมไปที่สนามฝึกด้านหน้าของถ้ำ ที่ๆพวกก๊อบคิจิ ก๊อบมิจัง สาวผมแดง และก๊อบลินคนอื่นๆกำลังฝึกฝนกันอยู่ ผมเรียกทุกคนให้ไปรวมตัวกันที่ห้องโถงด้านใน

ในขณะนั้น [ Sense Presence ] ตรวจพบศัตรูบางรายที่เข้ามาทางปากถ้ำชื่อสายพันธุ์ที่แสดงอยู่คือ "เอลฟ์" ซึ่งมีเจ้าเอลฟ์ที่เคยมาหาเมื่อวันก่อนรวมอยู่ในนั้นด้วย ผมไม่คิดว่าเขาจะกลับมาไวขนาดนี้เลยนะ

ผมเรียกให้ก๊อบลินทุกคนเตรียมพร้อมอยู่ในด้านในของถ้ำ โชคดีที่พวกเขาอยู่ในระหว่างการฝึกอยู่แล้วดังนั้นการเตรียมอุปกรณ์จึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว

ผมสั่งให้ทุกคนซ่อนอยู่ตามร่องลึกของถ้ำภายในห้องโถงเพื่อเตรียมการซุ่มโจมตี พวกเราเพียงแค่รอให้พวกเขาเดินเข้ามาติดกับและทำการโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว

ผมสั่งให้ก๊อบเอะจังทำการขุดเหมืองต่อไปเช่นเคย เพราะกำลังพลเพียงแค่นี้ก็มากเกินพอที่จะต่อกรกับพวกเอลฟ์ได้อย่างสบายๆ

หลังจากนั้นไม่นานกลุ่มเอลฟ์ที่มาพร้อมกับอาวุธครบมือก็เข้ามาด้านในของถ้ำ

ผมไม่คิดที่จะใช้ ฮ๊อปก๊อบลิน หรือ ก๊อบคิจิคุง ผมไม่คิดว่าพวกก๊อบลินจะชนะเมื่อต้องเจอกับเอลฟ์ทั้ง 25 คนพร้อมด้วยอาวุธชนิดพิเศษ และบรรยากาศชวนบ้าเลือดของพวกเขา

อารมณ์ของพวกเขายังเต็มไปด้วยเจตนารมณ์ที่ไม่เป็นมิตร แต่ก็ยังจำเป็นต้องจับกุมพวกเขาและถามข้อมูลความเป็นมากันก่อน

ดังนั้นผมจึงตัดสินใจฉายเดี่ยว ผมกระโจนออกไปและใช้ [Intimidating Roar] และ [Scaled Horse's Neigh] ด้วยเสียงที่ดังก้องไปทั่วทั้งถ้ำ ทำให้พวกเขาตกใจและหยุดชะงักยิ่งไปกว่านั้นผมเปิดใช้งาน [Intimidating Glare] และ [Snake's Evil Eye] ซึ่งทำให้ผมมีโอกาสจับพวกเขาด้วยเส้นด้ายของผมอย่างง่ายดาย

หลังจากจับกุมพวกเอลฟ์ทั้งหมดไว้ได้ ผมชกไปที่หัวหน้าเอลฟ์ 1 ทีเพราะตั้งแต่ที่จับพวกเขา เจ้าหมอนี่มันพล่ามไม่หยุดปากเลย จากนั้นผมจึงเอาปลายหอกขู่ไปที่ต้นขอของเขา กว่าจะทำให้พูดจากันรู้เรื่องก็เล่นเอาซะเหนื่อย

ใช่แล้ว ดูเหมือนผมจะทำให้ความภาคภูมิใจเล็กๆน้อยๆของเขาพังทลายลงเมื่อวันก่อน

พวกเขาตัดสินใจมาอย่างดี เนื่องจากการขอความช่วยเหลือจากพวกผมนั้นไม่ประสบผลสำเร็จ (ข่มขู่กันชัดๆ) ทางเลือกที่ดีที่พวกเขาคิดได้คือ การบุกมาฆ่าพวกผมแทนและหวังที่จะจับพวกผมเป็นตัวหมากในการสู้รบแทนพวกเขา

"ทำไมเอลฟ์ที่มีเกียรติอย่างพวกข้า ถึงต้องฟังพวกออคสวะชั้นต่ำแบบพวกแกด้วยกัน !! "

ดังนั้นพวกเขาจึงเอาเอลฟ์ระดับยอดฝีมือที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเขาบุกมาโจมตีด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยวและเป็นผลก็ตามสภาพปัจจุบันของพวกเขาในตอนนี้นี่แหละ

ผมรู้สึกสงสารเอลฟ์คนอื่นๆที่ต้องมีผู้นำห่วยแตกเช่นเขา ถ้าจะฆ่าพวกเขาทิ้งทั้งหมดก็คงจะไม่ถูกต้องไปซะทีเดียว แต่กับผู้นำแบบนี้ผมไม่ได้รู้สึกเห็นอกเห็นใจอะไรมากมาย เพราะคนที่พาพวกของตัวเองไปตายนั้นย่อมไม่สมควรที่จะเป็นผู้นำคนอื่น

ดังนั้นผมจึงตั้งกฏง่ายๆในกรณีเช่นนี้

1. ตัดใจเรื่องหัวหน้าเอลฟ์คนนี้ซะ เพราะยังไงผมก็ต้องฆ่ามันทิ้งแน่นอนอยู่แล้ว

2. ให้พวกเอลฟ์ที่เหลือจับคู่ดวลตัวต่อตัวกับก็อบลินและฮ็อบก็อบลินโดยมีกฎว่าทำให้หมดสภาพต่อสู้ ห้ามฆ่าฝ่ายตรงข้ามเด็ดขาด

3. ถ้าพวกเอลฟ์ชนะในการดวลก็จะไม่ถูกฆ่า ส่วนเอลฟ์ที่แพ้จะโดนฆ่าและกิน

เมื่อผมอธิบายจบก็ทำการปลดด้ายของผมออกจากตัวพวกเขา แต่ดูมียังมีเอลฟ์ผู้ชายคนนึงไม่เข้าใจถึงเหตุการณ์ปัจจุบันและพุ่งเข้ามาโจมตีผม ผมจึงทำการซัดเขาไป 1 หมัดและจับหักคอให้ตายคาที่
จากนั้นผมก็ทำการกินเขาสดๆต่อหน้าต่อตาเอลฟ์ทั้งหมด

ผมบอกให้สาวผมแดงและผู้หญิงคนอื่นๆ ให้อยู่ข้างในจนกว่าผมจะกลับมา

ความสามารถ [Elf Language] ได้เรียนรู้

พวกเอลฟ์ที่นั่งดูอยู่ทั้งหมดสั่นกันไม่หยุดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ผมจึงพูดปลุกใจพวกเขาขึ้นมา "สงครามระหว่างพวกแกกับมนุษย์ใกล้เข้ามาแล้วไม่ใช่รึไง พวกแกจะมัวมานั่งสั่นเพราะเรื่องแค่นี้กันหรอ !!" ด้วยคำพูดเพียงแค่นี้ก็เพียงพอที่จะปลุกสัญชาตญาณการต่อสู้ของพวกเขาขึ้นมา

ถึงแม้จะเป็นคำพูดที่ดูน่าอาย แต่ก็เป็นคำพูดจากปากของผมเองล่ะนะ

และแล้วการต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้น

ผลการต่อสู้มีเอลฟ์ทั้งหมด 23 คนที่ชนะ และแพ้ไป 6 คน ผมต้องแสดงความเสียใจต่อผู้ที่ได้สู้กับ ก๊อบคิจิ , ก๊อบมิจังและฮ้อบซาโต้ด้วย เนื่องจากการต่อสู้ของ เอลฟ์และฮ้อบก๊อบลินนั้น ส่วนใหญ่แล้วเก้าในสิบ เอลฟ์จะเป็นฝ่ายชนะ แต่เนื่องจากพวกก๊อบคิจินั้นฝึกฝนมามากกว่าคนอื่น ผลลัพธ์จึงออกมาแตกต่าง

แม้ว่าจะเป็นเรื่องน่าเสียใจสำหรับผู้แพ้ที่ขอร้องชีวิตของพวกเขา แต่จะไม่มีความเมตตาสำหรับผู้ที่มีเจตนาจะฆ่าพวกเรา

6 คนที่พ่ายแพ้ไปนั้นเป็นผู้ชายทั้งหมด เพราะผมไม่อยากให้ผู้หญิงสวยๆต้องตาย ผมจึงทำการโกงตารางแข่งขัน และแน่นอนว่าเนื้อของพวกเขาอร่อยมากกก !!

ความสามารถ [Inhabitant of the Forest] ได้เรียนรู้แล้ว

ความสามารถ [Elemental] ได้เรียนรู้แล้ว

ความสามารถ [Archery Proficiency] ได้เรียนรู้แล้ว

ความสามารถ [Tracking] ได้เรียนรู้แล้ว

ความสามารถ [Hiding] ได้เรียนรู้แล้ว

เมื่อผมกินพวกที่แพ้แล้วผมหันไปหาเอลฟ์ที่ได้รับชัยชนะ พวกเขาจ้องมองในสภาพมึนงงหลังจากนั้นผมก็ทำการมัดพวกเขาไว้อีกครั้ง มีบางคนโวยวาย

พวกเขาบ่นว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ได้เป็นอิสระ ผมจึงเน้นย้ำอีกครั้งว่าผมไม่ได้บอกว่าจะปล่อยพวกเขาไป ผมแค่บอกว่าจะไว้ชีวิตพวกเขาเฉยๆ ความเมตตานี้คือ "ไม่ฆ่า" พวกเขา

เอลฟ์ที่รอดชีวิต ชาย 10 หญิง 7 นั้นสามารถใช้ผสมพันธ์และสนองความไคร่ได้ เพราะดูเหมือนกลุ่มของพวกผมก็เริ่มที่จะเกิดความเครียดกันขึ้นมาบ้างแล้วเนื่องจากพวกก๊อบลินทำการฝึกอย่างหนักในทุกๆวันดังนั้น ก๊อบลินผู้หญิงจึงไม่สามารถทำให้พวกเขาพอใจได้อีกต่อไป

แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็จะไม่บังคับขืนใจพวกเขาเพราะมันจะทำให้เกิดปัญหาเอาได้และผมก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นด้วย ผมจึงให้พวกเขากินยาปลุกเซ็กส์ที่สร้างจากของเหลวในร่างกายของผม และแยกย้ายให้พวกเขาไปขับไว้ในห้องด้านในถ้ำ จนกว่าพวกเขาจะร้องขอจากฝ่ายของเราเอง

ฟังดูเหมือนผมเป็นคนร้ายใช่มั้ยล่ะ ? แต่เปล่าเลย ในสภาวะสงครามเช่นนี้นั้นสิ่งที่ผมทำมันก็ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสมมากแล้ว กับคนที่ยกทัพมาคิดจะฆ่าคุณ คุณก็ไม่ควรที่จะเห็นใจศัตรู การกระทำของผมนับว่าเมตตามากๆต่อพวกเขาแล้ว

เราไม่ได้มีกฏเกี่ยวกับเชลยศึกมาก่อนดังนั้นแม้กระทั่งการทำสิ่งต่างๆเช่นนี้ก็ไม่มีปัญหา

แม้ว่าผมจะตัดสินเอาเอง แต่ผมยังคงเชื่อว่าผมทำไปอย่างยุติธรรมที่สุดแล้ว

หัวหน้าเอลฟ์เริ่มพูดอะไรบางอย่าง หลังจากที่ได้เห็นภาพแบบนั้น แต่ผมไม่ได้สนใจอะไรเขา

หลังจากที่เอลฟ์ 17 คน ถูกจับเข้าคุก เอลฟ์หนึ่งคนที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังนั้นกลายเป็นคนสำคัญสำหรับผม เขาจะสอนให้ผมเรียนรู้วิธีการทรมานใหม่ๆ และบรรยายเกี่ยวกับจุดที่สำคัญของมนุษย์ และแน่นอน สุดท้ายเขาก็จบลงที่ท้องของผม

ความสามารถ [Overcharge] ได้เรียนรู้แล้ว

ความสามารถ [Discount] ได้เรียนรู้แล้ว

ผมกินเอลฟ์ไปเป็นจำนวนมาก ผมได้รับความสามารถประจำตัวของบางคนและสกิลด้านอื่นๆนั้นก็จะถูกปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น ใช่ผมรู้สึกขอบคุณพวกเขาและอธิษฐานเผื่อพวกเขาได้