เมื่อตื่นขึ้นมาเหมือนปกติ ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกเฝ้าดู ผมมั่นใจเลยว่าเป็นใคร ลูกสาวหัวหน้าเผ่านั่งจ้องมองผมอยู่ข้างๆ ผมจึงถามเธอกลับไปว่า "เธอกำลังทำอะไรอยู่?"
หลังจากนั้น ก้อบมิจัง , สาวผมแดงและรวมถึงสาวคนอื่นๆพากันล้อมผมแล้วจ้องมองราวกับจะตรวจสอบอะไรบางอย่าง ผมชักสงสัยว่าพวกเธอกำลังทำอะไรอยู่กันแน่นะ
ผมรู้สึกเสียวสันหลังไปถึงกระดูก เมื่อลืมตาจ้องมองพวกเธอเหล่านั้น บรรยากาศชักจะไม่ปกติเข้าไปทุกที
ลูกสาวหัวหน้าเผ่ายังคงตกใจหลังจากที่โดนผมดีดหน้าผากไป 1 ที ผมรู้สึกหัวเราะกับตัวเองเล็กน้อย
ทำไมต้องเป็นฉัน !?
หลังจากทานอาหารเช้า ผมและก้อบคิจิชวนกันไปฝึก เนื่องจากว่าโอเกอร์นั้นสามารถฆ่าพวกฮ้อบก้อบลินและคนอื่นๆได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นพวกเราจึงไม่สามารถเข้าร่วมกับคนอื่นๆได้
ขณะที่ทำการฝึก ผมได้บอกกับพวกฮ้อบก้อบลินว่า ผมและก้อบคิจินั้นจะเดินทางไปส่งลูกสาวหัวหน้าเผ่าที่หมู่บ้านเอลฟ์ให้แจ้งคนอื่นๆด้วย หลังจากนั้นพวกเราก็เตรียมตัวออกจากถ้ำ
หลังจากล่า Argiope เป็นวัตถุดิบนิดหน่อยและเดินประมาณสามชั่วโมงในที่สุดเราก็มาถึงที่หมาย
เราถูกล้อมรอบไปด้วยเอลฟ์จากสายตาที่ผมเห็นมีประมาณ 25 คน แต่ตามความรู้สึกที่【 Sense Presence 】ตรวจจับได้มีจริงๆ 48 คน
พวกเขาดูเหมือนจะมุ่งเป้าไปที่ส่วนสำคัญของก้อบคิจิและผมด้วยธนู โดยลูกศรที่ทำจากมิธริล แม้ว่าจะไม่มีปัญหาอะไรสำหรับพวกเราก็ตาม
ผมสามารถฆ่าพวกเขาทั้งหมด ถ้าผมใช้ความสามารถทั้งหมดของผมและร่างกายของเราพร้อมด้วยชุดเกราะของเรา สามารถทนการโจมตีโดยลูกศรได้แม้ว่าจะอยู่ในระยะไกลก็ตาม
พวกเขาไม่ควรประเมินพลังของโอเกอร์อย่างเราต่ำเกินไป
ถึงแม้ส่วนหัวจะไร้การป้องกันใดๆแต่ผมมั่นใจว่าเราจะหลบการโจมตีได้แม้จะโดนยิงจากมุมอับก็ตาม
อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องลำบากถ้าหากจะสู้กันในตอนนี้ เพราะที่สำคัญมีลูกสาวหัวหน้าเผ่ายืนอยู่ด้วย
การตอบสนองของก้อบคิจินั้นพร้อมที่จะฆ่าพวกเขาในตอนนี้ เขาสามารถเรียกขวานและโล่ออกมาได้ทันทีโดยไม่ต้องแบกไปไหนมาไหนเพราะเก็บไว้ในกำไลข้อมือเวทมนตร์ โดยกำไลนี้สามารถเก็บไอเทมได้ทั้งหมด 12 ชนิดและซ้อนทับได้ 20 ชิ้น ผมหยุดเขาไว้ด้วยสัญญาณมือ จากนั้นลูกสาวหัวหน้าเผ่าก็เริ่มเจรจากับเอลฟ์ที่อยู่รอบๆ
จากนั้นเราก็ถูกล้อมไปด้วยเอลฟ์ที่ถูกเรียกว่า Watchdogs และนำทางเราเข้าไปยังในหมู่บ้าน
พวกเขาอาศัยอยู่ท่ามกลางต้นไม้ยักษ์ในหมู่บ้านแห่งเอลฟ์ ผมมีความสนในโครงสร้างที่ดีแบบนี้ มันถูกสร้างขึ้นรอบต้นไม้ใหญ่อย่างแรกคือคุณไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อคุณเข้าไปในหมู่บ้าน การจราจรถูกจัดการโดยต้นไม้อื่นๆ ที่มีโครงพร้อมบันไดที่อยู่อาศัยและสะพานแขวนตามต้นไม้แต่ละต้น
พื้นที่อยู่อาศัยหลักอยู่บนต้นไม้และไม่อยู่บนพื้นดิน ไม่น่าเป็นไปได้เลยที่ทุกคนจะอาศัยอยู่บนต้นไม้เพราะผมสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆเช่นคอกม้าบนพื้นดิน มันทำให้รู้สึกแปลกๆพอเห็นแบบนี้ แม้ว่าเราจะถูกเฝ้ามองอยู่ตลอดจากด้านบน เรายังคงเดินไปข้างหน้าขึ้นบันไดและข้ามสะพานเพื่อไปยังปลายทางของเราในที่สุด
มีคฤหาสน์ที่แตกต่างจากที่อยู่อาศัยปกติเห็นได้ชัดว่านี่คือบ้านของหัวหน้าเผ่าแน่นอนเราเข้าไปที่คฤหาสน์และได้พบกับพ่อของสาวเอลฟ์ตัวน้อยคนนี้
เขามีหนวดเคราที่สวยงาม รูปร่างเหมือนชายมีอายุที่ดูร่ำรวย บอกได้เลยว่าถ้าผมเป็นเอลฟ์ ผมคงอิจฉาเขาแน่ๆ
ผมพยายามนั่งบนเบาะที่เขาเสนอแต่มันไม่เป็นที่พอใจเท่าไหร่(เพราะผมตัวหนักนี่แหละ) ดังนั้นผมต้องนั่งกับพื้นลงอย่างสุภาพ ชาถูกเสิร์ฟและขณะที่ยังมีเวลาเราเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจ
เพื่อสรุปเนื้อหาข้อตกลงของเราเพราะลูกสาวของเขาได้รับความช่วยเหลือจากผม ผมหวังว่าจะได้รับการตอบแทนที่สมเหตุสมผล ผมไม่รู้ว่าจะต้องขออะไรมากเท่าไหนเพราะเป็นครั้งแรกที่ผมทำเช่นนี้
ดังนั้นเขาบอกผมว่าจะให้รางวัลแก่ผมซึ่งคุ้มค่ากับชีวิตของลูกสาวเขาแน่นอน ถ้าสำคัญขนาดนี้มันจะไม่ออกมาเป็นจำนวนเงินที่มากเกินไปหรอ ? เขาบอกจำนวนที่เขาคิดไว้ แต่ผมแสดงออกให้เขาเห็นว่าผมต้องการมากกว่านี้
เขาอาจจะเกลียดผม แต่ตราบใดที่เขายังใช้การตัดสินใจอย่างรอบครอบและสงบนิ่ง ทุกอย่างก็จะราบรื่น
จากการตอบสนองของเขา บ่งบอกว่าแผนของผมประสบความสำเร็จ
ผลตอบแทนที่ตามมาคือสิ่งที่ผมไม่คาดคิดมาก่อน เขาได้มอบไอเทม [Ancient] ระดับ [Artifact] มาให้ผมครอบครองอาวุธวิเศษมีรูปร่างเหมือนคันธนูตามการประเมินนั้นมีชื่อว่า [Failnaught - เฟลนอท]
เขาบอกว่ามันไม่จำเป็นต้องมีลูกธนู เมื่อธนูถูกง้างออกมาอย่างเต็มรูปแบบ ลูกธนูก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างด้วยพลังอันลึกลับดังนั้นลูกธนูจึงไม่มีวันหมด
ลูกธนูที่ถูกยิงออกไปจะทำการโจมตีแบบ [Certain Hit - โจมตีโดนแน่นอน] ธนูคันนี้ดูเหมือนจะถูกสืบทอดต่อกันมาในครอบครัวเขา ดูจากปฏิกิริยาของลูกสาวของเขาแล้ว
ไม่มีอะไรที่จะมาแลกกับลูกสาวของเขาได้ เขาได้แสดงความรักของความเป็นพ่อออกมาอย่างน่านับถือ โว้ววว ผมพูดอะไรไม่ออกจริงๆ
ดังนั้นผมดีใจที่ผมได้ช่วยเธอเอาไว้ ผมรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่จ้องมองพวกเขา
หลังจากที่ได้รับของตอบแทนเรียบร้อยแล้ว ผมกำลังจะบอกว่า “เอาล่ะลาก่อน” แต่ผมก็รู้สึกอึดอัดนิดๆหน่อยๆ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะให้ข้อมูลบางอย่างที่ผมมีแก่เขา
ผมรู้สึกชอบคุณพ่อเอลฟ์คนนี้มาก บุคลิคและการแสดงออกของเขาควรแก่การนับถือ
ผมได้อธิบายแผนการของพวกมนุษย์ให้แก่เขา และรวมถึงบอกว่ามีคนทรยศในหมู่พวกเขาด้วย
เขาได้ฟังลายละเอียดอย่างครบถ้วนแล้วตอบแทนเป็นรางวัลมากมาย ได้แก่ เชนเมล 30 ชุดที่ทำจากมิธริล ดาบสั้นมิธริล 30 เล่ม แร่มิธริล อีก 20 ก้อนและไอเท็มมหัศจรรย์อีกเพียงไม่กี่ชิ้นที่สะดวกต่อชีวิตประจำวัน
ผมได้รับรางวัลอย่างดีจากคนที่รู้ถึงความสำคัญของข้อมูลนี้ ขณะที่ฉันกำลังมองดูเอลฟ์คนพ่อที่กำลังเขียนข้อมูลและเกี่ยวกับกับดักที่ผมรู้ ผมเอามีดแต่ละเล่มที่ทำจากหินสปิริตดินและหินสปิริตลมจากสาวนักทำอุปกรณ์ไปวางไว้บนโต๊ะ นอกจากนี้ผมได้นำเอาไอเท็มเวทมนตร์ระดับ [Unique] จำนวน 3 ชิ้นที่มีความสามารถที่เหมาะสมกับเอลฟ์ที่เก่งในการจัดการกับวิญญาณ
ไม่ใช่ว่าผมคาดหวังว่าจะได้รับการตอบแทนของเขาในภายหลัง แต่ผมคิดว่ามันจะชดเชยการขาดแคลนที่เกิดจากการสูญเสียเอลฟ์ที่มีฝีมือยอดเยี่ยม
ธุรกิจของเราได้ข้อสรุปอย่างลงตัวกับเรื่องนี้ ผมได้จับมือกับพ่อเอลฟ์ในขณะที่กำลังยิ้มแย้มไปด้วยกัน
เฉพาะเมื่ผมถูกถามว่า "คุณรู้ที่เกี่ยวกับหน่วยยอดฝีมือของฉันหรือไม่" ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการยิ้มและพูดว่า "ฉันไม่รู้" (ผมจะบอกได้ยังไงในเมื่อผมจับพวกเขาเป็นทาส แถมหัวหน้าของพวกเขายังถูกผมจับกินอีกตะหาก)
เมื่อเราเริ่มมุ่งหน้ากลับถ้ำ พ่อเอลฟ์ให้ของขวัญแก่ผมว่า "นี่เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ทำจากเอลฟ์ซึ่งเป็นยาอายุวัฒนะและเป็นความลับของเอลฟ์" รวมทั้งหมด 3 ถัง
อ้อ ผมคิดว่านี่คงเป็นผลของสกิล [Luck] ล่ะมั้ง ?
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า สุราพวกนี้เป็นความสุขที่สุดของผมแล้ว
พ่อเอลฟ์กล่าวว่า "ถ้าเป็นคุณนี่เป็นเพียงแค่การตอบแทนเล็กน้อยเท่านั้น" ผมจะต้องตอบแทนเขาซักวันหนึ่งแน่นอน
พวกเรากลับมาตอนกลางคืน ในที่สุดเวลาที่ผมรอคอยมานานก็มาถึงพวกเราล้อมวงนั่งดื่มฉลองพร้อมกันกับทุกคน
"เหล้าของพวกเอลฟ์นี่มันรสชาติดีโคตรๆ -------- !!" ผมถึงกับกรีดร้องออกมาโดยไม่เจตนา