ผมว่าผมถูกปลุกให้ตื่นเพราะความหิวแปลกๆ มันเป็นความรู้สึกที่เคยสัมผัสมาก่อนผมจึงค่อยๆขยับไปยังร่างอันไร้วิญญาณของหมีแดงตัวที่ผมฆ่าไป
ผมใช้แรงของผมที่มีดึงเอามีดโบวี่ที่อยู่ตรงหน้าผากของหมีแดงออก และผมเริ่มฉีกเนื้อของหมีแดงแล้วก็เลาะกระดูกสันหลังออก เสียงตอนที่ผมกำลังเลาะนั้นมันช่างดังสะเหลือเกินถ้าเกิดมีมอนสเตอร์อยู่ ใกล้ ๆนี้ละก็คงได้ยินไปแล้ว
จิตใต้สำนึกของผมยังคงไม่กลับมาเหมือนปกติ ผมเริ่มแทะเล็มศีรษะของหมีแดงที่ผมกำลังถืออยู่อย่างอเล็ดอร่อย
ความสามารถ [Lord of the Mountain Piercing Roar] ได้เรียนรู้
ความสามารถ [Intimidating Glare] ได้เรียนรู้แล้ว
ความสามารถ [All Elemental Resistance] ได้เรียนรู้แล้ว
หลังจากที่ผมดึงขนบนหัวของหมีแดงหมดแล้วผมก็บดศรีษะและสมองของหมีแดง แต่ในขณะที่ผมก าลังบดอยู่นั้นผมก็คิดขึ้นได้ว่าขนของเจ้าหมีแดงน่าจะมีประโยชน์อย่างแน่นอนผมจึงใช้มีดโบวี่ค่อยๆเลาะเอาหนังออกอย่างบรรจง
ผมมีความรู้สึกว่าเจ้าหมีแดงมันมีขนาดเล็กลงหลังจากที่ผมตื่นขึ้นมา หรืออาจจะเป็นเพราะในหัวของผมยังไม่ปกติอาจเกิดเป็นภาพหลอนให้เห็นว่ามันเล็กลงก็เป็นไปได้
ตอนนี้ผมรู้สึกอย่างเดียวก็คือการเลาะหนังของเจ้าหมีแดงตัวนี้
ตอนนี้ในหัวของผมไม่ได้คิดเรื่องอะไรเลยหัวมันช่างว่างเปล่าแขนซ้ายตั้งแต่ข้อศอกลงไปขาดแต่มันก็คงไม่เป็นปัญหาเท่าไรเพราะใช้ความสามารถรักษาได้
ผมได้ใช้ [Metamorphosis] ความสามารถในการเปลี่ยนแปลง สร้างนิ้วมือแขนและหนังเทียมขึ้นมาใหม่ได้ถึงมันจะมีปัญหาเวลาใช้มีดที่มีขนาดเล็กก็ตามแต่ผมก็สามารถเลาะหนังของหมีแดงจนเสร็จแล้วจากนั้นผมก็เริ่มที่จะกินเนื้อของมัน
ถ้าคุณรู้สึกทรมานกับความหิวเหมือนกับผม พวกคุณจะต้องกินทุกส่วนของหมีทั้งเนื้อ เลือดทุกส่วนในร่างกายของหมีผมกินจนไม่เหลือแม้แต่นิดเดียว
ความสามารถ [Lord of the Mountain Stout Hide] ได้เรียนรู้แล้ว
ความสามารถ [Lord of the Mountain 's Strong, Supple muscle] เรียนรู้แล้ว
ความสามารถ [Collires Raging Strikes] ได้เรียนรู้แล้ว
ความสามารถ [Tyranny of the Beast King] ได้เรียนรู้แล้ว
ความสามารถ [Demigod of Fire's Divine Protection] ได้เรียนรู้แล้ว
ความสามารถ [Complete Fire Resistance] ได้เรียนรู้แล้ว
ผมฉีกเนื้อของหมีและเคี้ยวมัน รสชาติของหมีแดงต้องบอกเลยว่าเป็นเนื้อที่มีรสชาติดีที่สุดเท่าที่ผมเกิดมาตั้งแต่เป็นก็อบลินเลยละ ผมดื่มเลือดของหมีแดง ซึ่งผมคิดว่ามันคือไวน์ชั้นดีเลยทีเดียว สีแดงข้นของเลือดหมีมันช่างให้ความรู้เหมือนไวน์ชั้นดีเวลาผมกลืนไปแต่ละครั้งผมรู้สึกได้เลยว่ามันเพิ่มพลังให้กับผม ผมกัดกระดูกกรุบกรอบ
เหมือนกับกำลังกัดขนมปังกรอบ และกินไขกระดูกเช่นเดียวกับการกินแร่ธาตุ
จากนั้นผมก็เริ่มมองที่ร่างกายของตัวผม ร่างกายของผมยังคงเป็นสีดำแต่มีขนาดใหญ่ขึ้น ผมสังเกตเห็นลวดลายสีแดงที่ไม่คุ้นตาเหมือนจะเป็นสัญลักษณ์ของพวกที่เคร่งศาสนาอะไรสักอย่าง
"สงสัยผมจะต้องเรียกเจ้าสิ่งนี้ว่ารอยสักสินะ ?"
ทั่วทั้งร่างกายผมมีร่างเป็นผู้ใหญ่แต่สูงกว่ามนุษย์ หน้าท้องของผมมี 6 แพค มันจึงทำให้ผมรู้ได้เลยตอนนี้ผมไม่ใช่ ฮ็อบก็อบลินอีกต่อไปแล้วแต่เป็นสายพันธุ์ที่อยู่สูงกว่านั้น
ผมมั่นใจว่าเมื่อไม่นานมานี้ผมพึ่งจะกลายเป็น ฮ็อบก็อบลิน แต่ถ้าจะให้มาเปรียบเทียบกับตอนนี้สิ่งที่เปลี่ยนไปก็มีผมที่ยาวขึ้นแล้วกลายเป็นสีเทา
สุดท้ายนี้ผมมีเขางอกออกมาจากหน้าผากมีสองเขาเมื่อผมลองสัมผัสมันให้ความรู้สึกที่ประหลาด ถ้าให้เปรียบเทียบก็คงเหมือนวัวที่มีเขาไว้แทงเป้าหมาย
ขณะที่ผมกำลังดูการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอยู่นั้น ผมจำข้อความที่ผมเห็นตอนก่อนจะหมดสติได้
ใช่แล้ว! ดูเหมือนว่าผมจะกลายเป็น Great Ogre
ผมคิดว่าผมไม่ได้พัฒนาแบบปกติแต่กลายเป็นชนิดที่หายาก
ดี! มันช่วยไม่ได้ที่ผมจะล่ามามากพอที่จะเลื่อนขั้น กลายเป็นชนิดที่หายากสะด้วย ผมเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่ไม่เลวเลย
ในลักษณะเดียวกับเมื่อครั้งที่ผมพัฒนาจาก ก็อบลินไปเป็นฮ็อบก็อบลินชนิดหายาก แล้วความสามารถของผมได้ถูกพัฒนาขึ้นและร่างกายที่พัฒนาขึ้นมันเป็นความ รู้สึกที่ไม่แน่นอนกับสภาพร่างกาย แต่ครั้งนี้ผมจะยังไม่ตรวจสอบความสามารถใหม่แต่ผมจะรีบกลับไปหาคนอื่นๆก่อน ทุกคนอาจจะกำลังกังวลก็เป็นได้เพราะผมไม่ได้กลับยังเหมืองเมื่อคืน
ในขณะที่ผมกำลังก้มลงไปหยิบง้าวที่วางอยู่คิดว่าเมื่อกลับไปถึงเหมือง แล้วจะนำไปซ่อมแซมแล้วเอามาใช้ใหม่นั้นเสื้อผ้าที่ใส่ไว้มีสภาพที่ขาดรุ่งริ่งบวกกับขนาดร่างกายที่ใหญ่ขึ้นจึงทำ ให้เสื้อผ้าขาดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
อย่าให้ผมบอกเลยว่าเหลืออะไรบ้างตอนนี้ผมอยู่ในชุดวันเกิดชัดๆ
ในขณะที่ผมกำลังเดินไปอยู่นั้นก็มีเพื่อนที่คอยติดตามผมมาตลอดกำลังแกว่ง และห้อยอยู่ตรงระหว่างขาของผม เฮ้อ..ออกมารับลมสินะ แต่ถ้าผมกลับไปสภาพนี ้เดียวคงได้แตกตื่นกันพอดีผมจึงใช้หนังหมีแดงที่ผมเลาะออกมาเอามาพันรอบเอวแล้วใช้ด้ายรัดเอาไว้
ผมคิดว่าการที่เลาะเอาหนังของหมีแดงมานั้นมันเป็นเพราะลางสังหรณ์ว่ามัน จะต้องเกิดเหตการณ์นี้อย่างแน่นอน ผมได้ใช้ wind-blade ตัดต้นไม้และใช้หัวรับไว้เพราะพลังที่มากขึ้นจึงทำให้สามารถตัดต้นไม้ได้ในเพียงทีเดียว
ผมมองไปที่พระอาทิตย์และคาดเดาว่าตอนนี้น่าจะประมาณ 14.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ผมเคยนอนแล้วรู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ผมจึงรีบกลับไปยังเหมือง
ในระหว่างทางที่กำลังกลับผมพบกระเป๋าสะพายหลังและอุปกรณ์ต่างๆเช่น Estocs และมีดโบวี่ ผมหาอันที่พอจะนำกลับไปซ่อมแซมได้กลับไปด้วย
เขาของม้าสามเขาที่ผมเก็บไว้ในกระเป๋าหายไป แต่มันก็ช่วยไม่ได้แต่สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีกระดองของแมงมุมปีศาจ กระเป๋าสะพายยังคงเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์เหมือนเช่นเคย แต่ถึงของในนั้นจะหายไปก็ตามที
เพราะมีร่างกายที่ใหญ่จึงทำให้การก้าวขากว้างขึ้นจึงทำให้ มาถึงยังเหมืองได้ไว
พริบตาที่ผมมาถึงยังเหมืองผมไม่เห็นใครเลย ซึ่งแปลว่าพวกเขามีการระวังตัวกันมากขึ้น เนื่องจากผมมีร่างกายที่ใหญ่โตขึ้นและมีความสามารถเพิ่มขึ้นผมจึงสามารถ แอบเขาไปในเหมืองได้อย่างไว
ซึ่งพวกเขาทั้งหมดก็ระมัดระวังตัวกันหมด ซึ่งทำให้ผมชื่นชมในตรงนี้
ใช่! พวกเขาเหล่านี้ยังไม่รู้จัก โอเกอร์ ผมถึงกับยิ้มแบบขอไปทีและนอกจากนั้นยังทำให้พวกเขากลัวผมมากขึ้นไปอีก
อ่า....ตั้งแต่ผมกลายเป็น โอเกอร์ ซึ่งหน้าตาของผมคงจะเปลี่ยนไปด้วย คงจะดูชั่วร้ายมากขึ้นกว่าเดิมเข้าไปอีกสินะเนี่ย
ก็อบลิน —-> ลักษณะ เตี้ย มีหน้าตาที่น่าเกลียด
ฮ็อบก็อบลิน —-> ลักษณะ เหมือนมนุษย์
โอเกอร์ —-> ลักษณะ มีร่างกายที่ใหญ่โตเหมือนกับยักษ์ (ผมก็คงอยู่ตรงจุดนี้สินะ)
ผมคิดว่ามันคงจะเป็นประมาณนี้ ผมวัดความสูงจากการคาดเดาคงสูงอยู่ที่ประมาณ 2 เมตรได้
ดังนั้นในขณะที่เหล่าก็อบลินกำลังยืนล้อมรอบผมอยู่นั้นมันช่างเห็นความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อผมมองมายังเหล่าก็อบลิน เหล่าก็อบลินพยายามที่จะอยู่ในจุดอับสายตาของผมเพราะกลัวในการที่จะสบตาโดยตรงกับผม
ไม่นานหลังจากนั้น ก็อบมิจัง ก็กระโดดออกมาจากด้านหลังของผม เธอคงตระหนักได้ว่านี่คือผมเอง ก็อบโลว์ ไงละ เช่นเดียวกับก็อบลินที่เหลืออยู่ความตึงเครียดก็ได้หายไป
ก็อบมิจัง เธอเดินมาหาผมด้วยท่าทางโกรธและจากนั้นเธอก็เตะมายังหน้าแข้งของผมแต่มันไม่เจ็บเลย แต่ผมก็แกล้งทำเป็นเจ็บแต่คนที่เจ็บจริงๆก็คือก็อบมิจัง ผมจึงใช้ความสามารถในการรักษา รักษาเท้า
ให้เธอหลังจากที่รักษาให้เธอแล้วเธอก็บังคับให้ผมคุกเข่าต่อหน้า
เธอเป็นห่วงผมจริงๆ และถามว่า "ไปทำอะไรมา?" "กลายเป็นโอเกอร์จริงๆหรอ?" ผมถูกยิงคำถามมาเป็นชุดเลยทีเดียว
เธอเดินมาทางซ้ายมือของผมแต่มือข้างซ้ายของผมก็ไม่สามารถที่จะป้องกันอะไรได้เพราะมันยังไม่สมบูรณ์ ในขณะที่ผมกำลังจะกล่าวขอโทษเธอที่ต้องทำให้เธอกังวลใจ ก็อบคิจิ และแม่สาวผมแดงก็ได้มาพอดี
แน่นอนว่าพวกเขาต่างประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาจึงร่วมมือกันยิงคำถามใส่ผมไม่หยุด จนผมรู้สึกเพลีย
แน่นอนว่าพวกเขาต้องเป็นกังวลกันแน่เพราะผมไม่ได้กลับมายังเหมืองตั้ง 1 คืน แต่พอกลับมาก็กลายเป็น โอเกอร์ไปซะแล้ว
แล้วจากนั้นผมก็ไล่ให้เหล่าก็อบลินอื่นๆออกไปก่อนและบอกว่าจะอธิบายให้ฟังทีหลัง “อืมม… เมื่อฉันกำลังจะกลับมายังถ้ำ ก็ได้เจอกับหมีแดงและเพื่อที่จะทดสอบความแข็งแกร่งของฉัน เพราะมันเป็น
สัญชาตญาณของฉันเอง”
“หลังจากนั้นฉันก็สู้กับเจ้าหมีแดงทั้งคืนและผลสรุปก็ได้ตอนหลังจากพระอาทิตย์ขึ้นเมื่อเช้าวานนี้”
“หลังจากสู้เสร็จฉันได้รับบาดเจ็บหนักจึงไม่สามารถขยับร่างกายได้เท่าไรจึงสร้างผนังด้วยด้ายแล้วก็พักผ่อนเพื่อฟื้น
พลัง”
“และหลังจากนั้นพอฉันลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบว่าได้กลายเป็น โอเกอร์ ชนิดหายากไปสะแล้ว”
“เสื้อผ้าของฉันที่ใส่มันเกิดขาด แต่ยังดีที่มีหนังหมีแดงจึงใช้แทนเสื้อผ้า”
“ฉันรู้สึกดีที่ยังมีชีวิตอยู่ !!”
หลังจากที่ผมที่ผมอธิบายไปเสร็จแล้ว ผมสังเกตเห็น ฮ็อบเซย์ ฮ็อบชาโต้ และก็อบจิอิคุง อ้าปากค้างมันดูตลกดีเหมือนกัน
นะ
“ว่าไงปู่?” “เอิ่ม?” “คิดว่าฉันไม่ได้ฆ่าหมีแดง?” ฉันบอกแล้วว่าได้ใช้หนังที่ได้จากหมีแดงมาเป็นเครื่องนุ่งห่ม
อืม..? มีอะไรหรอฮ็อบเซย์ หมีมันเป็นสัตว์ที่มีความแข็งแกร่งมันคือสัตว์ที่หาใครเปรียบไม่ได้จริงๆ
เราเรียกหมีชนิดนี้ว่า Hind bear มันอาศัยอยู่ในป่าแถบนี้แต่ส่วนมากขนจะสีเทาและมีความสูงประมาณ 3 เมตร
นอกจากนี้ในหมู่หมีเหล่านั้น จะมีหมีที่มีขนเป็นสีแดงเป็นพวกพิเศษที่สามารถใช้ เวทมนต์ได้ พวกมันมีสติปัญญาสูงและมีความสามารถในการที่จะหายใจเป็นไฟอีกด้วยและพวกมันยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าพวก Hind bear อีกด้วยนั่นหมายถึงเป็นพวกที่แข็งแกร่งและมีสติปัญญานั้นเอง
ดังนั้นในเวลาอันสั้น ผมสามารถฆ่าตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ Hind bear และเป็นตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในบริเวณพื้นที่นี้อีกด้วย
ดังนั้นในหมู่ Hind bear มันถูกเรียกว่า “Lord of the Mountain” ซึ่งมีความแข็งแกร่งพอที่จะสามารถฆ่าโอเกอร์ได้เลยใช่มั้ย?
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นครั้งที่สองที่ได้เห็นมอนสเตอร์ที่หายากในโลกใบนี้
ฮ็อบชาโต้ ** “มันไม่เจ็บใช่มั้ย? นายอยากดูดีกว่านี้ เลยเอาขนมันมาสินะ? “ ในขณะที่เธอกำลังพูดอยู่นั้นเธอก็พูดขึ้นมาว่ามันคือของจริงแน่นอน
ผมได้กลายเป็น โอเกอร์หลังจากที่ได้สู้ กับหมีแดงตัวนั้นและผมก็ได้ความสามารถ [Lord of the Mountain’s Strong, Supple Muscle]
นอกจากนี้เธอยังพูดกับผมว่า ผมกลายเป็นโอเกอร์ในเวลาอันสั้น น่าจะผิดปกติ เพราะไม่น่าจะใช่สิ่งที่ควรจะเป็นในตอนนี้ถึงแม้ผมจะตอบกลับไปว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่จะกลายเป็น โอเกอร์แต่เธอก็บอกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่จะพูดได้ง่ายโดยไม่รู้สาเหตุหรอกนะ
มันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้น ดังนั้นผมจึงใช้เวลาพูดคุยกับพวกเขาเป็นเวลา 1 ช.ม ก่อนที่จะสิ้นสุดการประชุม
สถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้เป็นไปตามที่หวังไว้ เมื่อผมเปิดเผยว่าผมจำความได้ตั้งแต่เกิดและตอนนี้ผมต้องการเสื้อผ้าใหม่โดยเร็ว
จากนั่นผมก็เดินดูรอบๆเหมือง
ผมคิดว่าผมควรจะทำเสื้อผ้าใหม่แต่ก็ดันไปนึกถึงเรื่องที่เกิดเร็วๆนี้ที่ว่า ก็อบมิจัง และแม่สาวผมแดงที่แอบเข้ามานอนกับผม “พวกเราเหมือนเป็นลูกศิษย์กับอาจารย์กันมากว่า” แต่ผมก็คงยังไม่ไปบอกพวกเธอตอนนี้หรอกนะ
ตอนนี้ผมปล่อยให้พวกเขาทำตามใจของตัวเองกันไปก่อนและผมต้องการที่จะตรวจดูก่อนว่าตอนที่ผมไม่อยู่ได้มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า
เมื่อหญิงสาวคนอื่นๆได้เห็นผมพวกเธอถึงกับ กรีดร้องกันอีกครั้ง
เฮ้อ…ผมเริ่มรู้สึกเบื่อกับเสียงพวกนี้แล้วสิ ผมจึงสั่งให้พวกก็อบลินที่ตามผมมาออกไปกันก่อน
ปฎิกิริยาของหญิงสาวเหล่านี้ทำให้ผมอยากจะร้องไห้ แต่เมื่อผมเริ่มอธิบายสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในที่สุดพวกเข้าก็เชื่อว่านี้คือผมจริงๆ
แต่พวกเธอก็ยังคงมีอาการสั่นกันอยู่เล็กน้อยแต่ผมก็รู้สึกดีที่เมื่อพวกเธอได้ฟังจบพวกเธอก็ยิ้มตามปกติ “พวกเธอทั้งหมดช่างน่ารักเหลือเกิน”
“โอ๊ย!!” ผมรู้สึกจี๊ดๆที่แขนทั้งสองข้าง ผมเห็นหญิงสาวสองคนกำลังหยิกแขนผมอยู่ถึงมันจะไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไรก็เถอะนะ
แต่ผมก็คิดว่ามันคงเป็นแค่เกมส์การลงโทษที่ต้องทำให้พวกเธอเป็นกังวลกับ เรื่องที่ผมหายไป ต่อจากนั้นพวกเราก็นั่งคุยกันเรื่องสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น
ผมจึงถามหญิงสาวที่มีหน้าที่ในการสร้างอุปกรณ์เกี่ยวกับการซ่อมแซมง้าวของผม ผมโดนดุ"ทำไมถึงได้ใช้งานไม่ระวังแบบนี้ หะ?"
หลังจากที่ผมโดนดุสะยกใหญ่ เธอก็ได้เอาหินวิญญาณซ่อมอาวุธให้ผมเช่นเดียวกับที่ผมเคยใช้หินวิญญาณทำมีดอันเก่าของผม
“เดียวฉันจะกลับมาดูในภายหลังนะ”
“ถ้าไม่ว่าอะไรให้ฉันลองสร้างอาวุธใหม่ให้นายดีมั้ย?”
ผมรีบพยักหน้าตอบเธอทันที ผมจะได้อาวุธใหม่แล้ว เยี่ยมม!!
ผมมองเธอ เธอช่างน่ารักอะไรขนาดนีhถึงมันจะเป็นเวลาสัhนๆก็เถอะ ผมยิhมและค่อยๆลูบหัวของเธอแต่ต้องระวังพลังที่ผมพึ่งได้มาใหม่กลัวจะไปทำร้ายเธอด้วยสิ
แต่ถึงกระนั้นผมคิดว่ามันเป็นความสุขที่เหมือนได้เห็นรอยยิ้มของเด็กสาวตัวเล็กๆ ผมคิดว่ารอยยิ้มนี้ละเป็นอะไรที่ให้ความสุขที่สุดละ
ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ผมเข้ากับสองพี่น้องฝาแฝดนี้ยาก
แต่ผมแอบได้ยินสองพี่น้องพูดถึงเรื่องอยากจะทำสตูว์เนื้อหมี ผมจึงบอกกับพวกเธอว่าจะไปล่าHind bear มาให้พวกเธอทำเป็นอาหาร
“ถ้าพวกเธอต้องการที่จะทำสตูว์เนื้อหมีเดียวฉันจะออกไปหาเนื้อหมีมาให้ละกัน”
และผมก็ได้รวบรวมเหล่าลูกสมุนก็อบลินมาจำนวนนึงเพื่อที่จะออกไปล่า Hind bear เมื่อเร็วๆนี้ที่ผมได้ฝึกกับพวกเหล่าก็อบลินพวกนี้และสังเกตเห็นมีหลายตน ที่มี Lv.ใกล้ จะ100แล้วพวกเขาใกล้ที่จะกลายเป็นฮ็อบก็อบลินแล้ว
มันคงจะเป็นเรื่องยากที่จะให้หญิงสาวฝาแฝดสองคนทำทุกอย่างไม่ว่าจะต้องเตรียมวัตถุดิบก่อนท าอาหาร ผมจึงได้ให้ 3 สาวก็อบลินในกลุ่ม Patri มาช่วยพวกเธอในการเตรียมอาหารอีกแรง
ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้ว ถ้าเกิดให้เหล่าก็อบลินที่เป็นผู้ชายมาอยู่กับพวกเธอผมกลัวว่ามันจะเกิดอันตรายขึ้นอีก
ทุกคน ! เพื่อน คนรู้จัก ญาติหรือแม้กระทั่งคนรักของพวกเธอถูกฆ่าตายและพวกเธอก็ถูกพาตัวมาที่นี่ พวกเธออาจจะเห็นพวกเราเหล่าก็อบลินเป็นศัตรู แต่เมื่อเรามองดูสองสาวฝาแฝดคู่นี้พวกเธอมีจิตใจที่แข็งแกร่งบวกกับความสามารถของเธอเธอสามารถปรับตัวเข้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบันได้ดีเลยทีเดียว
จริงๆแล้วทั้งสองคนทำให้ผมประหลาดใจอยู่มาก ถึงแม้จะผิดไปจากที่ผมคาดเดาไว้ก็เถอะนะ
“สาวๆพวกเธอมีความสามารถที่จะเป็นภรรยาที่ดีเลยละมันคงเป็นเรื่องดีสินะถ้าจะให้เธอมาเป็นของๆฉัน” แต่ผมก็บอกเธอไปว่ามันเป็นเพียงแค่เรื่องขำๆ
ในขณะที่เรากำลังทานสตูว์กันอยู่นั้น ผมก็คิดในใจว่า “ไม่อยากอยู่ตรงนี้เลย!” มื่อพวกเหล่าหญิงสาวดูท่าทางจะมีความสุขกันมีทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะผมรู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก
ทันทีที่ผมลุกออกมาผมก็รู้สึกกมึนงง แล้วจู่ๆก็มีอะไรสักเหมือนดาบไม้ออกมาจะหลังหัวของผมถึงมันจะไม่รู้สึกเจ็บก็เถอะนะ
หญิงสาวนักเล่นแร่แปรธาตุได้แอบผสมยาที่มีก๊าซพิษใส่ในอาหารบางส่วน ถึงมันไม่มีพิษร้ายแรงถึงขนาดฆ่าให้ตายได้แต่สามารถทำให้เกิดอัมพาตแทน
ผมยิ้มให้เธอและกระซิบเบาๆว่า การใช้ยาพิษป้องกันตัวเองเป็นสิ่งที่ดีนะผมรู้สึกชอบ
พราะเธอเข้าใจว่ามันคือวิธีการที่ดีที่สุด แต่เธอก็ไม่รู้หรอกนะว่าผมคือมนุษย์ที่มาเกิดในร่างของก็อบลิน ก่อนหน้าที่ตอนที่เธอโดนพวกหัวหน้าก็อบลินตนเก่าโจมตีเธอไม่ได้มีความคิดที่จะผสมยาพิษลงในอาหารเลย แต่ด้วยความที่ว่าเธอกลัวมันจะเกิดขึ้นอีกเธอจึงได้ลงมือ
ผมถามไปว่า “เธอเกลียดเหล่าก็อบลินมากถึงขนาดที่จะฆ่าเลยหรอ?” ผมแน่ใจว่าคงมีก็อบลินที่เธออยากจะฆ่าแน่นอน แต่ผมยังคงไว้วางใจเธออยู่ถึงแม้จะเกิดเรื่องในคืนนั้นก็ตามทีและที่สำคัญคือเธอได้รับความไว้วางใจจาก ก็อบคิจิแล้วด้วย
แล้วเธอก็ยังได้บอกผมว่า ผมมีความแข็งแกร่งมากจนกลายเป็น โอเกอร์แต่ผมก็คิดว่าร่างกายของผมนั้นมันแปลกๆเหมือนกัน มีเจ้าสีแดงที่ผมเรียกว่ารอยสัก ขึ้นเป็นจุดเล็กจุดน้อยเต็มไปหมด
“ฉันไม่สามารถช่วยเธอได้” จากนั้นผมก็ได้อุ้มเธอขึ้นมาเพื่อที่จะทำให้ เธอรู้สึกผ่อนคลาย แล้วผมรู้สึกว่าถูกจ้องมองมาจากสองฝั่ง รู้สึกเสียวหลังยังไงบอกไม่ถูก
ผมรู้สึกว่าเป็นการจ้องมองด้วยสายตาที่อยากจะฆ่าให้ตายยังไงยังงั้นผมคิดว่า”เฮ้อ..ฉันถูกฆ่าแน่ๆ”
ผมจึงอุ้มพวกเธอเพื่อที่จะเอาใจให้เหมือนกับที่กำลังอุ้มแม่สาวนักเล่น แร่แปรธาตุ จากนั้นผมก็ทำเช่นนี้อีกโดยไปอุ้มสองสาวฝาแฝดและช่างทำอาวุธ
ผมต้องคอยระวังไม่ให้แรงของผมไปทำร้ายร่างกายของพวกเธอ จนรู้สึกเพลียเต็มทน จากนั้นผมก็ได้ไปห้องทำงานของผมสักที ผมเริ่มรู้สึกคันไปตามตัว
ผมคิดว่าหนังของหมีแดงสามารถมาทำเป็นชุดที่มีความทนสูงได้แน่ แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ ผมจึงนำไปเก็บไว้ก่อนและได้ทำกางเกงใหม่ที่ทำมาจากกระดองของทานูกิ ซึ่งมีสีน้ำตาล ตั้งแต่ผมกลายเป็น โอเกอร์ก็ไม่รู้สึกหนาวอีกและด้วยร่างกายที่ใหญ่โตขึ้นบวกกับวัตถุดิบที่มีจำกัดผมจึงทำได้แค่กางเกงขาสั้น
ในขณะเดียวกันผมก็คิดว่าชุดที่ทำจากหนังของหมีแดงมีความแข็งแกร่งสูง กว่าที่ผมจะได้มันมาต้องใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีเลยทีเดียว ผมจะไม่เอาหนังหมีแดงทำเป็นเสื้อทับในแต่จะเอามาทำเป็นเกราะที่แข็งแกร่งกว่านั้น เพราะด้วยความหนาและความแข็งแกร่งผมว่ามันน่าจะเหมาะกว่าไปทำเสื้อทับใน
และแล้วกางเกงขาสั้นของผมก็เสร็จซะที ผมรีบใส่ทันทีและผมก็สามารถปกปิดส่วนที่ควรจะปกปิดได้แล้ว
หลังจากนั้นผมก็ได้เดินไปหยิบหนังของหมีแดงที่ผมเก็บไว้มาทำการต้ม
ผมคิดว่าพรุ่งนี้ผมมีงานใหญ่ที่ต้องทำคือต้องทำชุดและอุปกรณ์ทั้งหมดใหม่ เพราะด้วยร่างกายที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจึงทำให้การใช้ของต่างๆไม่สะดวกเหมือนแต่ก่อนแล้ว...