ในขณะที่ผมกำลังคิดว่า “วันนี้ก็เป็นวันที่ 2 ที่มีฮ็อบก็อบลินเพิ่มขึ้น” และผมก็ได้ให้ของขวัญเพื่อแสดงความยินดีที่พวกเขาได้กลายเป็นฮ็อบก็อบลิน
การฝึกช่วงเช้าเสร็จสิ้นไปด้วยดี ผมจึงได้พักทานอาหารที่สองพี่น้องฝาแฝดได้เตรียมไว้ให้ผม เวลานี้ก็อบเอะจัง ควรจะกลับมาทานอาหารกับพวกเราแต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาการขุดเหมือง
และเธอก็กลับมาพร้อมกับหอบเอาสิ่งที่คล้ายกับอัญมณีสีแดงสด แต่ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือด
ก็อบเอะจัง เรียกเจ้าสิ่งนี้ว่า [Carbuncle] ในขณะที่เธอกำลังบอกเจ้าสิ่งนี้คืออะไรผมก็ได้ใช้ความสามารถในการรักษา ทำการรักษาเธอ ถ้าเธอมาช้ากว่านี้สักครึ่ง ช.ม. ผมคงจะรักษาเธอไม่ทันอย่างแน่นอน ผมรู้สึกโล่งใจที่เธอยังปลอดภัยดี
อย่างไรก็ตามถึงผมจะทำการรักษาอาการบาดเจ็บของเธอได้แต่ผมก็ไม่สามารถ สร้างเลือดใหม่ที่เธอได้สูญเสียไป ผมจึงได้ใช้ยาที่แม่สาวนักเล่นแร่แปรธาตุผสมขึ้นมาที่มีชื่อว่า “Hematopoietic Potion” (รุ่นต้นแบบ) ที่ทำมาจากสมุนไพรมากมายหลายชนิดที่ช่วยในเรื่องของการสร้างเม็ดเลือดที่สูญ เสียไปได้ นอกจากนี้เมื่อก็อบเอะจัง ก็เป็นคนขอให้ผมช่วยเหลือเธอด้วยเช่นกัน
ไม่กี่นาทีต่อมา Carbuncle ที่สูงเพียง 30 ซม. เปิดตาและอธิบายสถานการณ์ของเธอและได้กล่าวขอบคุณผมที่ช่วยเหลือเธอเอาไว้
จากนั้นเธอก็เริ่มอธิบายเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น Carbuncle นี้มีชื่อเรียกว่า รีเทิร์นเนอร์และสาเหตที่เธอบาดเจ็บก็เป็นเพราะพวกนักผจญภัยที่เป็นมนุษย์
[Returner คือเม็ดอัญมณีที่มีวิญญาณสิงอยู่]
อัญมณีสีแดงบนหน้าผากเธอ ดูๆไปแล้วมันช่างเหมือนกับอัญมณีชั้นสูง ถ้าขายก็อาจจะมีมูลค่าประมาณร้ อยล้านเหรียญทองเลยทีเดียว 1เหรียญทองก็น่าจะประมาณ10เยน นี้อาจจะเป็นเหตผลที่พวกนักผจญภัยทำร้ายเธอก็ได้
ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ยากที่ต้องไปสู้กับมนุษย์ แต่เธอก็มาปรากฎอยู่ตรงหน้าผมและขอให้ผมไปทำบางอย่างกับพวกนักผจญภัย
นี่คือสิ่งที่เธอเล่าให้ผมฟังทั้งหมด
- รีเทิร์นเนอร์คืออัญมณีเทียมที่ถูกสร้างขึ ้นมาเป็นเวลานาน โดยจอมเวทย์เวลเว็ท เวลเว็ทคือตำนานที่เป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งทวีป เขาได้สร้างสิ่งที่เรียกว่า [Velvet’s Hidden Treasury] ลักษณะของมันก็คล้ายๆกับดันเจี้ยน ซึ่งก็อบเอะจังและก็อบลินตนอื่นๆ กำลังขุดหาหินวิญญาณแต่ก็ได้หลุดเข้าไปในดันเจี้ยนของเวลเว็ต
- เจ้าสิ่งที่เรียกว่า รีเทิร์นเนอร์จะเป็นพลอยแดงที่ไม่มีอายุการใช้งานและไม่สลายไปเองตามธรรมดา แต่ถ้าสิ่งที่เรียกว่า “Core” หรือแกนของรีเทิร์นเนอร์ถูกทำลาย สิ่งที่เรียกว่ารีเทิร์นเนอร์ก็จะไม่สามารถทำอะไรได้อีก จึงทำให้พวกมนุษย์โจมตีไปที่ แกน ของมัน
- ภายในคลังที่รวบรวมอัญมณีระดับสูง และน้ำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเวลเว็ทเป็นผู้รวบรวมไว้ ถ้าคลังสมบัติต้องถูกทำลายด้วยพวกมนุษย์ที่โลภมากพวกนั้นและสมบัติเหล่านั้นหลุดออกไปยังโลกภายนอก กลัวว่าจะเกิดอันตรายขึ้นอย่างร้ายแรง
- รีเทิร์นเนอร์พยายามที่จะสู้กับเหล่ามนุษย์แต่ด้วยการโจมตีที่ดุเดือดจึงทำให้แกนได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ในดันเจี้ยนนั้นมีมอนสเตอร์ที่เกิดจากเวทมนต์มากมาย เช่น ทหารโครงกระดูก นักรบโครงกระดูก และ นักรบโครงกระดูกระดับสูง แต่สิ่งที่เลวร้ายกว่าพวกนี้ก็คือนักผจญภัยที่เข้ามายังในดันเจี้ยนแห่งนี้และนั่นก็เป็นเหตผลที่ทำให้พวกนักผจญภัยมาโจมตีพวกก็อบลินเพราะดูอ่อนแอกว่าเจ้าพวก โครงกระดูก พวกเขาไล่พวกเราออกจากดันเจี้ยนและให้นักผจญภัยที่อยู่ด้านบนปิดทางเข้าออก
- ถ้าพวกเราสามารถช่วยขับไล่พวกนักผจญภัยออกไปได้ เขายินดีที่จะมอบสมบัติทั้งหมดที่อยู่ในคลังให้ เพราะจริงๆแล้วเวลเว็ทเกลียดพวกมนุษย์
หลังจากที่ผมคิดทบทวนเกี่ยวกับข้อเสนอนี้ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะเราไม่ได้เสียผลประโยชน์อะไร
จากนั้นผมก็ได้เรียกให้ ก็อบคิจิคุง ก็อบมิจัง ก็อบเอะจัง รวมทั้ง ฮ็อบเซย์และฮ็อบชาโต้ให้พวกเขาเตรียมอาวุธให้พร้อมและผมก็ไปหาแม่สาวนักสร้างอุปกรณ์ผมถามถึงอาวุธที่ให้เธอช่วยทำ เธอได้นำมีดที่ทำจากหินวิญญาณมาให้ผม
สงสัยเพราะหินวิญญาณจึงทำให้มีดดูฉูดฉาดมากและดูเหมือนมันคงจะมีประโยชน์ให้ผมไม่น้อย
ในขณะที่ผมกำลังจัดเตรียมลูกสมุนอยู่นั้น แม่สาวทำอุปกรณ์ แม่สาวผมแดง สองพี่น้องฝาแฝด และแม่สาวนักเล่นแร่แปรธาตุ มองมายังที่ผมด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ
นั่นเป็นเพราะพวกเธอคงได้ยินการขอร้องให้ไปฆ่าพวกมนุษย์ จึงทำให้พวกเธอไม่พอใจแม้ว่าพวกมนุษย์พวกนั้นจะเป็นคนแปลกหน้าของพวกเธอก็ตามที
ในขณะที่ รีเทิร์นเนอร์กำลังถามผมว่าจะไล่พวกนักผจญภัยยังไง ในระหว่างนั้นพวกนักผจญภัยก็ได้ออกมาจากดันเจี้ยนพอดีผมจึงจับพวกเขาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ผมสอบถามพวกเขาแต่พวกเขากับปฎิเสธ ผมจึงหันไปใช้กำลังแทนเพื่อที่จะปกป้องตัวของเราเองด้วย แต่ด้วยพลังของผมตอนนี้มีมากเกินไปกลัวที่จะฆ่าพวกเขาตายกันเสียก่อน
ผมถามพวกเขา”นี่แค่เป็นการป้องกันตัวของพวกเรา ถ้าเราไม่ทำเช่นนี้ พวกเจ้าคงได้ฆ่าพวกเราไปแล้วใช่มั้ย?”
เมื่อผมบอกกับพวกเขาว่าการพูดคุยเป็นสิ่งจำเป็นและก็ได้เห็นว่าพวกเขากำลังยิ้มกันอยู่
หลังจากนั้น ก็อบเอะจังก็ได้พาเราเข้าไปยังดันเจี้ยนที่รีเทิร์นเป็นผู้ควบคุมอยู่ในท้ายที่สุดนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น
พวกเราได้ฆ่านักผจญภัยไปทั้งหมด 6 คนรวมทั้งชายและหญิงที่ได้เข้ามาในดันเจี้ยนและพยายามที่จะทำร้าย รีเทิร์นเนอร์
สิ่งที่ผมทำในช่วงแรกคือ ในตอนแรกเพื่อที่จะไม่ให้พวกเขาหวาดกลัวจนเกินไปต่อจำนวนของพวกเราผมจึงให้ ก็อบคิจิและคนอื่นไปซ่อนกันก่อน แต่ในขณะที่พวกเขาเห็นผมได้มีคนพูดขึ้นมาว่า
"นั่นไม่ใช้สิ่งที่อยู่ในดันเจี้ยนนี้ ดันเจี้ยนนี้มีเพียงแค่พวกโครงกระดูก และโครงกระดูกส่วนใหญ่เป็นของพวกยักษ์ ถึงมันจะเป็นศัตรูของเราถ้าเราฆ่ามันอย่างรวดเร็วก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าเราปล่อยมันไว้พวกเราคงไม่ได้กลับออกไปแน่"
ทันใดนั้นพวกเขาก็เริ่มโจมตีผม จิตใจเต็มไปด้วยการฆ่าฟัน
ผมไม่ได้เป็นโอเกอร์แบบปกติแต่เป็นชนิดที่หายาก เขาไม่ได้ฟังในสิ่งที่ผมกำลังจะพูดให้เขาฟัง ผมจึงคิดว่าพวกเขาคงเป็นโจรสินะ
ดีเลย!! พวกที่ชอบบุกรุกบ้านของผู้อื่น(ดันเจี้ยน) ฆ่าผู้ที่อยู่อาศัย(มอนสเตอร์) ถึงพวกเขาจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมโดยตรงก็เถอะ พวกเขาไม่ได้ตระหนักถึงความผิดของตัวเองกันเลยคนพวกนี้อยู่นอกเหนือกฎ ดีจะได้ไม่ต้องเสียเวลา
ในขณะเดียวกันเขาได้ใช้ความสามารถ [Appraisal] น่าจะเป็นความสามารถของพวกโจรและอุปกรณ์เวทมนต์ระดับสูง ที่ช่วยปกปิดกลิ่นอาย
แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด เมื่อครั้งที่ผมสู้กับหมีแดงจนทำให้ผมกลายเป็นโอเกอร์ความสามารถพื้นฐานของผมก็ถูกพัฒนาตามขึ้นมาด้วยและความสามารถต่างๆ ที่ผมใช้อย่างชำนาน ผมจึงคิดว่าการป้องกันการโจมตีของพวกโจรนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก
การโจมตีของพวกเขายังดูเงอะงะขาดประสบการณ์โดยสิ้นเชิง การใช้อาวุธของพวกเขาก็ยังทำไม่ดีเท่าที่ควร แต่พวกเขาก็อาจจะปกปิดอะไรอยู่ก็เป็นได้
การโจมตีของพวกเขาค่อนข้างรุนแรงทีเดียวสงสัยเพราะด้วยอาวุธของพวกเขาน่าจะมีคุณภาพที่ดีในระดับนึง ถ้าเป็นพวกโอเกอร์ปกติคงถูกฟันจนร่างขาดไปแล้วก็เป็นได้ แต่เทคนิคของพวกเขาก็ยังไม่สูงมากนัก แต่มีอยู่สิ่งเดียวที่ทำให้ผมรุ้สึกประทับใจก็คือ ความป่าเถื่อน
พวกเขาไม่ได้สร้างความแข็งแกร่งจากร่างกายหรืออาจจะเพราะ [Job] ที่ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งกันแน่ แต่สิ่งนึงที่ผมเห็นก็คือพวกเขาไม่ได้ต้องการพัฒนาตัวเองให้สูงขึ้นแถมยังทำ ให้ความสามารถของตัวเองอ่อนลงอีกด้วย
จนถึงขณะนี้พวกเขาก็ยังไม่ลดละในการที่จะโจมตีเพื่อฆ่าผมอยู่ดีพวกเขา อาศัยแต่ใช้กำลังเข้ามาโจมตีผมและกำลังของพวกเขาก็ค่อยๆหมดไปตามกาลเวลา
ผมไม่ได้บอกว่าวิธีการต่อสู้นี้เป็นวิธีที่ผิดแต่อย่างใด แต่วิธีการต่อสู้นี้มันเป็นวิธีที่เป็นอันตรายแก่ตัวเอง
ถ้าพวกเขาใช้ความสามารถมากกว่านี้โดยไม่พึ่งแต่พละกำลังมากเกินไปผมว่าการต่อสู้นี้คงจะดุเดือดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ดูเหมือนว่าพวกไม่ค่อยจะได้ฝึกฝนกันเท่าไร
การที่พวกเขาโจมตีผมชุดใหญ่ จึงทำให้กำลังของพวกเขาหดหายไปการโจมตีของพวกเขาผมสามารถป้องกันได้โดยง่าย แต่ในขณะที่ผมป้องกันนั้นผมก็ได้พยายามที่จะโน้มน้าวพวกเขาไปด้วย
โดยปกติแล้วถ้าเกิดมีใครกำลังคิดจะฆ่าคุณ คุณคงไม่ไปพูดโน้วน้าวให้ฝ่ายตรงข้ามยอมจำนนหรอกนะ
ขณะที่ผมกำลังโน้มน้าวพวกเขาและพวกเขาก็โจมตีผมอยู่ ก็มีเด็กหนุ่มจอมเวทคนนึงได้ปล่อยสายฟ้ามาใส่ผม ทันทีที่สายฟ้ามาโดนบริเวณหัวของผมก็เกิดอาการช็อค
ไม่มีรอยแผลใดๆ แต่ที่ผมรู้สึกก็ประมาณสะดุ้งหรือมีการช็อต แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมันเพียงน้อยนิดเท่านั้น
ซึ่งมันดูเหมือนการโจมตีขนาดเล็กถ้ามาเทียบกับขนาดตัวของผม แต่ผมก็อาจตายได้ถ้าไม่มีความสามารถ [All Elemental Resistance ]
[ Lightning Resistance] ที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกายผม
อ่า…เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ตั้งแต่ที่พวกเขาเริ่มโจมตีใส่ผมมันมีมากเกินจนที่ผมทนรับไหว มันจึงทำให้ความอดทนของผมที่มีถึงขึดจำกัด
ผมส่งสัญญาณไปยัง ก็อบคิจิคุงและคนอื่นๆที่ซ่อนตัวอยู่ให้เริ่มโจมตีผมต้องขอโทษรีเทิร์นเนอร์จากใจจริงเลย เพราะผมต้องตัดทางหนีของพวกนักผจญภัยจึงต้องทำลายส่วนหนึ่งของบริเวณนั้นและมีสิ่งที่ดูเหมือนโอปอลลึกลับทำให้ผมคิดว่า “ที่นี่ คือพระราชวัง ?” และเพื่อที่จะดึงดูดความสนใจผมจึงทำการโจมตีจากข้างหน้า
เยี่ยมไปเลย! ตอนแรกผมคิดว่าเจ้ามีดหินวิญญาณอันนี้มันดูเหมือนของเด็กเล่น แต่เมื่อพอนำเอามาใช้จริงๆมันกลับทำให้ผมต้องประหลาดใจอย่างมาก
ใบมีดของมีดหินวิญญาณไม่มีความคมแต่อย่างใด แต่เมื่อเหวี่ยงเล็กน้อยหินวิญญาณน้ำที่อยู่ในมีดหินวิญญาณ ก็ได้สร้างใบมีดน้ำออกมาผมจึงเหวี่ยงด้วยความเร็วใส่ไปที่นักผจญภัยทำให้ชุดเกราะของพวกเขาขาดออกเป็นสองท่อนและทำให้เกิดเสียงค่อนข้างดัง
“มันช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!!” เป็นสิ่งที่ก็อบมิจังพูดและก็ได้พูดอีกว่าเธอคงจะตัดเจ้าพวกนี้เป็นสองท่อนได้ง่ายๆเลยสินะ แต่ผมก็ตอบกลับไปว่ามันไม่สามารถทำแบบนั้นได้หรอกเพราะน้ำเมื่อสัมผัสกับผิวหนังมันก็เหมือนแค่ทำให้เปียกเฉยๆ
ดูเหมือนว่าต่อให้ผมเหวี่ยงด้วยความเร็วขนาดไหนก็ทำได้ เพียงแค่ให้พวกเขาเปียกเท่านั้น
หลังจากที่เราฆ่าพวกนักผจญภัยทั้งหมดแล้วพวกเราก็ได้ ปล้นเอาสิ่งของมาและนำเนื้อมากินกันเป็นอาหาร ผมเอาส่วนบนของร่างกาย ส่วนก็อบคิจิคุงและคนอื่นๆเอาส่วนที่ต่ำลงไป
ความสามารถ [Job-Assassin] ได้เรียนรู้แล้ว
ความสามารถ [Job-Crusader] ได้เรียนรู้
ความสามารถ [Job-Guardian] ได้เรียนรู้
ความสามารถ [Job-High Wizard] ได้เรียนรู้แล้ว
ความสามารถ [Job-Bishop] ได้เรียนรู้
ความสามารถ [Job-Enchanter] ได้เรียนรู้
ความสามารถ [Quick Thinking] เรียนรู้
ความสามารถ [Parallel Thinking] ได้เรียนรู้แล้ว
ความสามารถ [Horseriding] ได้เรียนรู้แล้ว
ความสามารถ [Anti-magic] ได้เรียนรู้แล้ว
ความสามารถ [Shortened Incantation] ได้เรียนรู้แล้ว
ความสามารถ [Chivalry] ได้เรียนรู้
ความสามารถ [Intuition] ได้เรียนรู้
ความสามารถ [Conceal Presence] ได้เรียนรู้
ความสามารถ [Demigod of Mercy's Divine Protection] ได้เรียนรู้
ความสามารถ [Demigod of War's Divine Protection] ได้เรียนรู้
เทียบในหมู่มนุษย์ด้วยกันแล้ว พวกนักผจญภัยพวกนี้ต้องอยู่ในระดับที่สูงกว่าอย่างแน่นอนนอก
จากนี้พวกนักผจญภัยยังมีอุปกรณ์ระดับสูงมากมายรวมทั้งอุปกรณ์เวทมนต์อีก ผมคิดว่าต้องมีประโยชน์แน่มันเป็นเรื่องธรรมดาชาติเมื่อผมเจอสิ่งใหม่ๆก็จะกินเพื่อหาความสามารถใหม่ๆ
ความสามารถ [Conceal Self-Status] ได้เรียนรู้
ความสามารถ [Item Box] ได้เรียนรู้แล้ว
สิ่งที่ผมกินเข้าไปเป็นอุปกรณ์เวทมนต์ 2 อย่าง “Hermit’s Ring” และ “Backpack Storage (Large) x6” ผมเก็บอุปกรณ์ที่เหลือใส่กล่องเก็บของของผม เมื่อผมกำลังตรวจอุปกรณ์อยู่ก็ได้มีเสียงดังขึ้น
มันเป็นเสียงในครั้งที่ผมเก็บไอเทมได้ ซึ่งเป็นเสียงที่ทำให้ผมรู้สึกคิดถึงตอนแรกที่เก็บเขาของกระต่ายได้
ผมได้ความสามารถในการเก็บของได้ ถึง 1200 รายการที่แตกต่างกันและสามารถเก็บของที่เหมือนกันได้ถึง 99 ชิ้น ซึ่งผมคิดว่า มันเป็นความสามารถที่ค่อนข้างโกงเลยทีเดียว จากนั้นรีเทิร์นเนอร์ก็ได้พาเราเข้าไปยังในดันเจี้ยนส่วนที่ลึกที่สุด
ในส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำที่เราพบประตูที่ซ่อนอยู่นั้นได้ ถูกปิดไว้พวก เราจึงให้ ก็อบเอะจังจัดการเรื่องนี้หลังจากนั้นพวกเราก็ได้คิดหาวิธีการที่จะเข้าไปยังข้างในดันเจี้ยน
รีเทิร์นเนอร์ได้ชี้ทางที่เราสามารถเข้าไปยังคลังสมบัติ มีสมบัติที่มีค่ามายมาก แต่ผมมีอุปกรณ์ที่เก็บมาจากพวกนักผจญภัย พวกเขามีฝีมือดีในการเลือกอุปกรณ์ แต่เมื่อผมมองไปยังสมบัติที่มีมากมายตรงหน้าจึงไม่ได้รู้สึกอะไร ท่ามกลางสมบัติมากมายด้านในสุดได้ที่มัมมี่และที่มีแขนซ้ายส่องแสงแปลกๆออกมาและถูกตกแต่งด้วยเงินบริสุทธิ์
รีเทิร์นเนอร์เรียกมัมมี่ตัวนี้ว่าเจ้านาย นี้อาจจะหมายความว่ามันคือ เวลเว็ต
ก่อนที่ผมจะออกจากดันเจี้ยน รีเทิร์นเนอร์มีบางอย่างจะบอกกับผม
หินวิญญาณที่มีหลากหลายชนิด อาจจะมีการพบได้มากอย่างในเหมืองที่พวกผมอาศัยอยู่แต่มันก็คืออิทธิพลของดันเจี้ยนทั้งหมด สถานที่พบหินวิญญาณมักจะขึ้นอยู่กับชนิดของหินเช่น หินวิญญาณไฟก็มักจะพบได้แถวภูเขาไฟคุณลักษณะที่แตกต่างกันก็ไม่อาจจะพบได้
แต่เนื่องจากดันเจี้ยนนี้เป็นสถานที่ที่ถูกสร้างโดย เวลเว็ทที่เก่งในเรื่องการควบคุมวิญญาณ แต่อย่างใดวิญญาณที่ไม่ได้เป็นส่วนนึงของหินวิญญาณก็ยังคงอยู่ในดันเจี้ยนนี้และอย่าลืมว่าหินวิญญาณมีพลังได้เพราะอิทธิพลของดันเจี้ยน ทันทีที่เธอพูดเสร็จ รีเทิร์นเนอร์ได้แสดงรอยยิ้มจางๆให้ได้เห็นก่อนที่จะจางหายไป
*และก็ได้กลายเป็นเพียงอัญมณีที่ไม่มีความสามารถอะไรแล้ว
หลังจากนั้นผมก็หยิบขึ้นมาและก็กินมันลงไป
ความสามารถ [Golden Rule] ได้เรียนรู้แล้ว
ตอนนี้พวกเราได้ไว้อาลัยให้กับรีเทิร์นเนอร์และหลังจากนั้นผมก็ได้เอาสมบัติทั้งหมดที่มีอยู่ในคลังกลับไปยังเหมือง
จริงๆแล้วความสามารถของ item box ทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจ ผมสามารถอัดทุกอย่างที่มีอยู่ในคลังแล้วยังพอมีพื้นที่เหลืออีกด้วย ผมต้องขอบคุณพวกนักผจญภัยที่ทำให้ผมได้ความสามารถเจ๋งๆมา
ผมคิดว่าเวลเว็ทน่าจะตายไปนานแล้วแต่แปลกที่แขนซ้ายของเขายังคงเงาวับและผมคิดว่าผมไม่สามารถพามัมมี่กลับไปยังเหมืองได้ผมจึงทำการเผาเขา ณ ตรงนั้น
เมื่อผมมองไปยังร่างของมัมมี่ที่ไฟกำลังลุกไหม้อยู่ผมก็ได้ยกมือขึ้นมาไหว้และหลังจากไฟได้มอดไปมีเพียงแขนซ้ายของเขาที่ยังคงอยู่
“มันคืออะไร?” ผมคิดว่าผมควรจะใช้ความสามารถ [Appraisal]
ชื่อ: [Silver Artificial Arm – Airgeatlamh]
การจำแนกประเภท: [Artifact]
ระดับ: [Legendary] Class
ความสามารถ: [Armblast] [Spellblast] [Self-Evolution] [Elementch Echo]
รายละเอียด: แขนเทียมที่พระเจ้าเคยสวมใส่ เวลเว็ทได้มาพบในดันเจี้ยนโบราณแห่งหนึ่ง ผู้ที่สูญเสียแขนสามารถขอพรในการสวมใส่แขนและความสามารถในการเคลื่อนไหวอันไร้ที่ติ
โดยการใช้สามารถเปลี่ยนรูปร่างไปตามเจตจำนงของผู้สวมใส่
ไม่สามารถท าร้ายอุปกรณ์ชิ้นนี้ได้
โอ้…มันคือไอเทมโคตรแรร์
หือ..เสียงเวลเว็ทพูดว่า “ผมไม่ต้องการเจ้าสิ่งนี้อีกต่อไปแล้ว ผมขอยกให้กับคุณ”
เขารู้ว่าผมสูญเสียแขนข้างซ้ายไปสิ่งที่ผมคิดจากนั้นผมก็ก้มหยิบแขนเทียมขึ้นมาและลองสวมใส่กับแขนข้างซ้ายของผม แต่อย่างไรก็ตามมันมีขนาดเล็กกว่าแขนของผม ผมจึงแนบมันไว้
ความประทับใจของผมคือความเจ็บปวดอย่างประหลาด
ดี! ทันใดนั้นขณะที่ผมกำลังแนบเจ้าแขนเทียมอยู่มันก็เริ่มขยายไปตามแขนซ้ายของผม ไปจนถึงหัวไหล่แล้วเจ้าแขนเทียมก็เริ่มทำอะไรบางอย่าง แต่ผมรู้สึกว่ามันกำลังกินเนื้อที่แขนซ้ายของผม มันรุนแรงมากจนขนาดที่ทำให้ผมเกือบสลบเลยทีเดียว
จากนั้นหลังจากที่ผมหยุดกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แขนข้างซ้ายของผมก็ได้กลายเป็น Airgeatlamh จนถึงไหล่ ในตอนแรกที่ผมหยิบแขนเทียบนั้นขึ้นมามันมีขนาดเล็กเท่ากับแขนของมนุษย์ไม่ เหมาะกับขนาดของ โอเกอร์ แต่หลังจากที่มันกลายเป็น Airgeatlamh แขนข้างซ้ายมีขนาดเข้ากับแขนข้างขวาของผม ผมรู้สึกว่ามันเริ่มจะเหมาะกับผมแล้วละ
นี่อาจจะเป็นผลกระทบจาก [Self-Evolution].
มันให้ความรู้สึกดีเวลาที่ผมกำและแบมือ มันช่างรู้สึกเหมือนว่าแขนของผมจริงๆได้กลับมาอีกครั้ง
นอกจากนี้ผมได้ลองต่อยไปที่ผนังดูผมก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งแขน ผมรู้สึกว่ามันแปลกเพราะนี้คือแขนเทียมแต่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกได้
ผมยังไม่รู้ถึงความสามารถของแขนนี้มากนักผมจึงยังไม่ควรที่จะมาคิดอะไร ให้รกสมองในตอนนี้จากนั้น ข้อจำกัดในการเคลือนไหวของข้อศอกดูเหมือนว่าจะดีกว่าเดิมมากผมสามารถที่จะ บิดข้อศอกและหัวไหล่ไปในมุมที่ร่างกายของโอเกอร์ไม่สามารถทำได้
และจากนั้นผมเชื่อว่าผมสามารถใช้เจ้าแขนเงินข้างนี้ปั่นด้ายได้อีกครั้งนึง เยี่ยม ! ผมได้ไอเทมที่ดีชะมัด ผมสามารถเปลี่ยนนิ้วให้กลายเป็นเมือกได้อีกครั้ง
หลังจากนั้นผมก็กลับมาหาทุกคน บทสรุปของการต่อสู้อันดุเดือดในครั้งนี้และสิ่งของที่ได้จากนักผจญภัยและที่สำคัญมีเหล้าด้วย ถ้าเกิดว่าผมไม่ได้มายังที่นี้ ผมก็คงจะไม่ได้สิ่งของเหล่านี้และที่แห่งนั้นยังเป็นที่ส่งวิญญาณของ รีเทิร์เนอร์และเวลเว็ท
ในกรณีของเวลเว็ทอาจจะไม่ใช้เรื่องที่เราต้องกังวลเพราะเขาเสียชีวิตไปนานแล้วแต่ที่เราต้องกังวลก็คือบรรยากาศในปัจจุบัน
ผมอธิบายรายละเอียดเล็กๆน้อยๆให้กับแม่สาวผมแดง แม่สาวทำอุปกรณ์ สองพี่น้องฝาแฝด และแม่สาวนักเล่นแร่แปรธาตุฟัง หวังว่าพวกเธอคงจะให้อภัย
แม้ว่าผมจะพยายามที่จะโน้วน้าวพวกเขาแล้วแต่ก็ไร้ประโยชน์
แต่ว่า! เยี่ยม! รสชาติของเหล้านี้มันอร่อยจริงๆ