พวกเราพบกลุ่มคน 12 คนติดอาวุธครบมือ พวกเขาดูระมัดระวังเป็นอย่างมากและเคลื่อนพลด้วยความเร่งรีบ ดูเหมือนเส้นทางที่พวกเขามุ่งหน้าไปนั้นจะเป็นหมู่บ้านของพวกเอลฟ์ มนุษย์พวกนี้คงลาดตระเวนมาพักใหญ่และดูเหมือนพวกเขาจะเริ่มลงมือบางอย่างในวันนี้แล้ว
ด้วยความสอดรู้สอดเห็นของผม มันทำให้ผมเริ่มแอบติดตามพวกเขาไปอย่างเงียบๆ
การซ่อนตัวและติดตามไปเงียบๆของ 2 โอเกอร์ขนาดสูงเกือบๆ 2 เมตรนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ด้วยผลของการฝึกซ้อมของพวกเรานั้นมันจึงไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด
พวกเราซ่อนตัวอยู่มุมที่เป็นจุดบอดของพวกเขา อ่านเสียงลมหายใจขณะที่กำลังเฝ้ามองพวกเขาอย่างเงียบๆราวกับว่าเป็นมือสังหารจริงๆ
เพราะเหตุนี้ผมกับก้อบคิจิจึงขัดเกลาทักษะซ่อนตัวจนเทียบเท่ากับทักษะปกติของคนอื่นๆ
ร่างยักษ์ใหญ่ของ โอเกอร์ นั้นผสานเข้ากับสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดีทำให้เป้าหมายไม่รับรู้ถึงการมีตัวตนได้นานกว่า 10 นาที
นอกจากนี้ผมยังมีความสามารถในการซ่อนตัวเพิ่มเติมทำให้ผลของการซ่อนตัวนั้นเพิ่มมากยิ่งขึ้น ผมสามารถสนับสนุนก้อบคิจิได้อย่างง่ายได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ
หลังจากเริ่มติดตามไปซักพักดูเหมือนพวกมนุษย์นั้นจะเริ่มเคลือนไหวโดยกระจายกำลังออกเป็นรูปตัว U
หลังจากนั้นมี พวกเขาแต่ละคนหยิบหน้าไม้ขึ้นมาคนละสองอัน ส่วนพวกที่เหลือบางคนเลิกทำการซ่อนตัวและเตรียมปะทะ
ถ้าหากคุณไม่ทราบถึงการมีตัวตนของพวกเขาล่วงหน้าแล้วล่ะก็ สถานการณ์แบบนี้นั้นยากต่อการรับมือมาก ทักษะการหลบซ่อนของพวกเขานั้นขั้นสูงมาก แต่ก็ยังดีที่ด้อยกว่าของพวกเราที่อาศัยอยู่ในป่ามาแต่กำเนิด
ขณะที่พวกเขาประจำตำแหน่ง มีโอกาสสูงมากที่พวกเขาจะโจมตีโดยที่เป้าหมายไม่รู้ตัวเลยซักนิดเดียว
เนื่องจากพวกเขาแต่ละคนนั้นมีหน้าไม้คนละ 2 กระบอกทำให้พวกเขาผลัดกันยิงสาดใส่เป้าหมายได้อย่างต่อเนื่อง
ผมอยากรู้ว่าพวกเขามาทำอะไรที่นี่และมีเป้าหมายอย่างไรดังนั้นผมจึงแอบปล่อยเส้นใยซึ่งมีความบางชนิดที่เกือบจะมองไม่เห็นแล้วฟังอย่างเงียบๆ
เท่าที่ทราบมาคือภารกิจของพวกเขาคือการลักพาตัวลูกสาวของหัวหน้าเอลฟ์ “Elven Round Table Conference’s Chairman”
พวกเขานั้นเตรียมที่จะฆ่าพวกยามที่คอยป้องกันรอบๆตัวลูกสาวเอลฟ์คนนั้น จากที่ผมฟังมานะและจากบทสนทนานั้นผมมั่นใจได้เลยว่าในหมู่พวกเอลฟ์จะต้องมีคนทรยศ และไม่ต้องสงสัยเลยว่าข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์เป็นอย่างมากในอนาคต
หลังจากนั้น 2 ชั่วโมง นับตั้งแต่ผมติดตามพวกเขา ดูเหมือนเป้าหมายของพวกเขาจะมาพร้อมกับกลุ่มคนติดอาวุธ และกลุ่มชายหญิงกลุ่มหนึ่ง
ก้อบคิจิเริ่มเบื่อหน่ายกับการเฝ้าติดตามมานาน ผมจึงให้เขาออกไปล่าตามปกติแต่ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นนั้นผมจะเรียกเขากลับมาโดยใช้เส้นด้ายของผม
เอลฟ์ที่นั่งบนเก้าอี้สีแดงที่ถูกยกขึ้นโดยเอลฟ์จำนวนหนึ่ง แน่นอนนั่นก็คือ ลูกสาวหัวหน้าเผ่า ที่กำลังจะถูกลักพาตัว
จากรูปลักษณ์ของเธอ เธอดูเหมือนจะอยู่ระหว่างวัยรุ่นตอนปลายกับวัยยี่สิบต้นๆและพูดตรงๆว่าเธอเป็นคนที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา
เธอเป็นผู้หญิงที่สวยอย่างเหลือเชื่อผมไม่รู้จะใช้คำไหนเรียกเลยจริงๆ
แต่ขณะที่ผมกำลังหลงไหลไปกับความงามของเธอ ผมเห็นว่าบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น ผมจึงเรียกก้อบคิจิกลับมา ในเวลาเดียวกันมนุษย์ 12 คนเคลื่อนไปพร้อมๆกันและทำการฆ่าเอลฟ์แต่ละคนด้วยหน้าไม้ชุดแรกของพวกเขา
มันยังไม่ได้จบลงในชุดแรก พวกเขามีหน้าไม้อีกชุดสลับไว้ยิงอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้เสียจังหวะ มีเอลฟ์ทั้งหมด 12 คนโดนยิงตายทันที
พวกมนุษย์รีบวิ่งไปหาเอลฟ์ที่เหลืออยู่ 8 คนที่ตกอยู่ในความสับสนหลังจากการโจมตีอันน่าประหลาดใจ
พวกเอลฟ์พยายามยึดคันธนูเพื่อแก้แค้นแต่ถูกกันไว้ด้วยใบดาบของมนุษย์
ทั้งหมดนี้จบลงในเวลาเพียงสิบวินาทีเท่านั้น พวกเขาทำงานรวดเร็วราวกับฟ้าผ่า ผมต้องยอมรับว่าพวกเขามีฝีมือมาก มีเพียงลูกสาวหัวหน้าเผ่าเป็นเพียงคนเดียวที่เหลือรอดชีวิตจากเอลฟ์ทั้งหมด
พวกเขาใช้ผ้าชุบยาสลบปิดหน้าเธอไว้ แม้เธอจะดิ้นรนมากแค่ไหนก็ไม่เป็นผล
พวกมนุษย์นั้นบรรลุเป้าหมายของพวกเขาได้อย่างไร้ที่ติด พร้อมกับอุ้มลูกสาวหัวหน้าเผ่าแล้วกลับไปทางเดิม พวกเขาถอนตัวออกโดยไม่ลังเล
ผมคิดว่าพวกเขาจะใช้เส้นทางเดียวกันกับที่พวกเขาใช้ก่อนหน้านี้ดังนั้นผมจึงรออยู่บนเส้นทางที่จะซุ่มโจมตีพวกเขา ระยะห่างของพวกเขาใกล้พอที่ผมคิดว่าถึงเวลาแล้ว ผมจึงกระโดดขึ้นจากพื้นและยิงเส้นใยจากปลายนิ้วของผม
ผมเปิดใช้งาน [Earth Control] และผมสร้างกำแพงที่ทำจากดินล้อมทั้งสามด้านของพวกเขานอกเหนือจากด้านหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้ 12 มนุษย์หนี
หลังจากเหตุการณ์เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันการแสดงออกของพวกมนุษย์ที่ตื่นตระหนกนั้นเป็นเรื่องตลกมากสำหรับผม พวกเขาทั้งหมดถูกจับได้ในครั้งเดียว
การใช้ความยืดหยุ่นของเส้นใยที่สร้างขึ้นจากความสามารถของ [Golden Thread Creation] เขายังคงอยู่
แต่มันเหนื่อยกว่าเดิมเพราะด้ายสีทองนั้นมันหนักกว่าปกติ ความเสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้ซึ่งเป็นจุดอ่อนของด้ายก่อนหน้านี้ถูกปกคลุมขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะตัดได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากความต้านทานของมัน
พวกเขาดูเหมือนพยาธิตัวกลมขณะที่พวกกำลังเขาดิ้นไปรอบๆ ซึ่งเป็นเฮฮาสำหรับผม
ขณะที่ถูกจับพวกเขาตั้งใจที่จะใช้ยาพิษที่ด้านหลังของฟันเพื่อฆ่าตัวตายเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกบังคับให้สารภาพอะไร ทันทีที่พวกเขาใช้ยาพิษนั้นผมได้รักษาให้หายขาดเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาตาย พวกเขาอาจกัดลิ้นของพวกเขาต่อ ดังนั้นผมจึงปิดปากพวกเขาด้วยเส้นด้ายของผมเพราะมันเป็นเรื่องลำบากในการรักษา
เพื่อให้แน่ใจขึ้นไปอีกผมได้ทำการหักนิ้วและปลดข้อต่อกระดูกของพวกเขา และในที่สุดก้อบคิจิก็มาถึง
แม้ว่าจะเป็นการผลักภาระให้ก้อบคิจิช่วยแบกพวกเขา แต่ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร
... รวมทั้งอุปกรณ์นั้นแน่นอนมากกว่า 1 ตันใช่มั้ย? ผมสงสัยในขณะที่เอียงศีรษะของผมนิดหน่อย แต่เขาดูไม่สะทกสะท้านอย่างสิ้นเชิงดังนั้นผมจึงไม่ได้พูดอะไร (แรงเยอะชะมัด)
ส่วนผมแบกลูกสาวหัวหน้าเผ่าที่กำลังนอนหลับอยู่ในอ้อมแขนของผม เราจะกลับไปที่ถ้ำที่เราอาศัยอยู่หลังจากที่ผมได้จัดการกับศพของเอลฟ์แล้ว
ผมเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดและหัวใจของพวกเขาไว้ จากนั้นผมค่อยฝังเขาไว้มันจะดูโหดร้ายหากมีมอนสเตอร์มากินซากศพของพวกเขา
ความสามารถ [Luck] เรียนรู้แล้ว
ความสามารถ [Doom] เรียนรู้แล้ว
เดี๋ยวก่อนผมจะต้องเปิดใช้ Luck (โชคดี) ความสามารถในขณะนี้ ผมต้องระวังว่าผมจะไม่เปิดโอกาสให้ Doom (โชคร้าย) สามารถเปิดใช้งานได้โดยบังเอิญ
สุดท้ายผมก็ตบมือผสานกันแล้วสวด "นโม" ให้แก่พวกเขาและได้อธิษฐานกับพวกเขา
แต่ว่า หืม? ผมจะทำอย่างไรกับคนที่ถูกจับดี
หลังจากสอบปากคำพวกเขา ผมจะให้พวกเขาต่อสู้กับเราเพื่อประสบการณ์ หลังจากนั้นผมจะใช้พวกเขาเป็นวัสดุในการบรรยายเรื่องการทรมาน เนื่องจากพวกเขาเป็นเพศชายทั้งหมดพวกเขาไม่ได้ดูดี พวกเขาเปรียบเทียบไม่ได้กับรูปลักษณ์ของเอลฟ์ชาย
ใช่แล้ว ดูเหมือนคืนนี้จะยุ่งเอามากๆ
นั่นคือสิ่งที่ฉันคิด แต่แล้วมันเกิดอะไรขึ้น พวกเราเจอก้อบลินบางส่วนระหว่างทางกลับบ้าน ใบหน้าเหล่านี้ไม่ค่อยคุ้นเอาซะเลย พวกเขาเป็นก้อบลินจากพวกรุ่นเก่า ทั้งหมด 6 คน ปัจจุบันพวกก้อบลินรุ่นน้องรวมถึงแม่สาวผมแดงนั้นได้ก้าวข้ามพวกเขาไปเยอะ จนทำให้พวกเขานั้นรู้สึกรับไม่ได้กับการฝึกซ้อมอีกต่อไป
จากที่ผมเคยกล่าวเอาไว้ว่า ก้อบลินจากรุ่นของผมนั้นแข็งแกร่งกว่าพวกรุ่นเก่าๆ พวกเขาได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่จะเติบโตได้ดีพอสมควรผ่านการฝึกซ้อม ความจริงที่ว่าพวกเขาพ่ายแพ้ให้กับคนเหล่านี้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ผมอยากจะถามว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ในที่แห่งนี้ แต่เนื่องจากพวกเขาดูเหมือนจะรีบร้อน ผมจึงสังเกตพวกเขาอย่างเงียบๆ และดูเหมือนจะมีคนนึงยกมือขึ้นมาแล้วพูดว่าจะลาออกจากกลุ่ม
เหตุผลก็คือ: พวกเขาไม่สามารถปฏิบัติตามผมได้อีกต่อไป ไม่สามารถนอนกับพวกผู้หญิง และที่สำคัญพวกเขาไม่สามารถทนกับการฝึกซ้อมในทุกๆวัน
ในสถานการณ์ของพวกเขานั้นการจะนอนกับเอลฟ์หญิงเป็นไปไม่ได้เลย แม้ว่าพวกเขาจะยื่นมือออกไป แต่ก็ถูกจำกัดให้ผู้ชายเท่านั้น ผู้ชายก็เป็นหนุ่มสวยที่ไม่เลวนะ แต่มันก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับผู้หญิงเลยซักนิด ดังนั้นพวกเขาจึงขอลาออกไป
หลังจากพูดมากแล้วพวกเขาก็เงียบลงและสั่นไปด้วยความกลัว บางทีพวกเขาคิดว่าพวกเขาจะถูกฆ่าตาย
อ๊าาา ในที่สุดก็มาถึงวันนี้จนได้ ผมคิดไว้แล้วแหละว่ามันจะต้องมีซักวันที่เกิดเรื่องแบบนี้
ในจุดนี้แม้ว่าจะพูดอะไรออกไปแต่ดูเหมือนพวกเขาก็ยังยืนยันคำเดิม ดังนั้นผมจึงทำให้แค่ตอบตกลงกับพวกเขาและอวยพรให้พวกเขาโชคดี
กลับกันถ้าหากว่าเป็นก้อบคิจิพูดแบบนี้กับผม ผมคงทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เสียเขาไป
ผมบังคับให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎ แต่ผมไม่ได้คิดว่าจะทำอย่างไรกับคนที่เป็นเหมือน "เราไม่ชอบมันเราจะออก" เนื่องจากพวกเขาไม่ใช่กลุ่มใหญ่จึงไม่เป็นไร
นอกจากเป้าหมายของผมตอนนี้ยังไม่ได้เป็นการเพิ่มจำนวนของเรา แต่เพื่อเพิ่มความสามารถส่วนบุคคลของเรา แทนที่จะเพิ่มจำนวนภาระ ผมก็โอเคตอนนี้อาจดีกว่าถ้าจะพิจารณาเพิ่มเด็กๆรุ่นใหม่ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
มันไม่ใช่ความตั้งใจของผมที่จะทิ้งพวกนี้ไว้กับความผิดหวังตอนนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีพรสวรรค์ผมก็ต้องการที่จะยื่นมือของผมไปให้กับผู้ที่ตั้งใจซ้อมอย่างหนัก
อย่างไรก็ตามเพื่อป้องกันการรรั่วไหลของข้อมูลออกไปผมควรจะมีวิธีจัดการในเรื่องนี้ แต่อย่างน้อยๆในตอนนี้ผมก็ไม่มีความคิดที่จะฆ่าพวกเขา
อาวุธของพวกเขาในตอนนี้เป็นอาวุธที่ธรรมดามากๆเรียกได้ว่าระดับเริ่มต้นเลยดีกว่า ดังนั้นผมจึงคิดที่จะแจกจ่ายอาวุธใหม่ให้แก่พวกเขาเป็นของขวัญการจากลา
เพราะด้วยอาวุธแบบนี้ไม่มีทางที่พวกเขาจะเติบโตได้เลยแม้ว่าจะใช้เวลาแค่ไหนก็ตาม แม้ว่าจะดีหน่อยที่พวกเขาพอจะมีชุดเกราะระดับแรร์สวมใส่ไว้แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้มากมายอยู่ดี
ดังนั้นผมจึงมอบมีด 6 เล่มที่นำมาจาก Item box ของผมให้แก่พวกเขา
เป็นของที่ได้รับมาจากเจ้าก้อบลินผู้นำคนนั้นที่ตายไปแล้ว จากการใช้ทักษะการประเมินของผม มีดเหล่านี้ถูกตีขึ้นมาโดยแร่ มิธริล และมันมีค่ามากเกินกว่าที่พวกก้อบลินจะครอบครองได้
มีดนี้ไม่มีความสามารถใดๆพิเศษแต่ความคมของมันนั้นเกิดกว่าดาบทั่วๆไปที่พวกเขาถืออยู่ในขณะนี้ซะอีก คุณจะต้องไม่เชื่อแน่ๆถ้าหากผมบอกว่ามีดมิธริลพวกนี้นั้นสามารถตัดดาบเหล็กได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องออกแรง
เฉพาะเอลฟ์เท่านั้นที่มีความสามารถในการผลิตมีดมิธริล ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่นักผจญภัยระดับต่ำไม่สามารถรับข้อมูลได้เลย
เพื่อแสดงความคมของใบมีด ผมตัดปลายนิ้วของผมและหยดเลือดออกหลายหยด จากนั้นผมจึงส่งกลับไปให้พวกเขา ส่วนแผลของผมหายไปอย่างรวดเร็วเพราะความสามารถ [Rapid Recovery]
พวกก๊อบบลินรุ่นเก่ายืนอยู่ที่นั่นด้วยใบหน้าอึ้งๆที่จ้องมองมาทางพวกผม หลังกจากนั้นก้อบคิจิและผมยิ้มแย้มแจ่มใสโบกมือลาจากไปโดยไม่มองย้อนกลับไปด้านหลังอีก
บางทีโชคชะตาอาจจะช่วยให้เราได้พบกันอีกครั้ง
แต่อย่างไรก็ตาม มีดมิธริลนั้นมีค่าอย่างมากในตลาดของพวกมนุษย์พวกเขายังคงมีโอกาสสูงที่จะถูกฆ่าโดยกลุ่มของนักผจญภัยหรือทหารรับจ้าง ซึ่งมันก็คงเป็นเรื่องของพวกเขาแล้วล่ะ
ผมหวังว่าพวกเขาจะมีโชคสำหรับอนาคตข้างหน้า
สุดท้ายผมก็กล่าวว่า "สถานที่นี้เป็นสถานที่ที่ฉันหลั่งเลือด"
