Day 63 อาวุธใหม่

วันนี้ผมขี่คุมะจิโร่ ไปพร้อมกับแดมมิและสาวผมแดง ส่วนที่เดินอยู่ข้างหลังพวกเราคือพวกทหารโคโบลด์ ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกหน่วยต่อสู้ของเรา 17 คนเพื่อไปที่ถ้ำของพวกโคโบลด์ จุดประสงค์หลักคือการไปอุดรูที่เชื่อมกับดันเจี้ยนของเวลเว็ทและเก็บสัมภาระของพวกโคโบลด์ที่ทิ้งไว้ในค่ำคืนนั้น

พวกเราใช้เวลาเดินทางไป 40 นาทีจนถึงถ้ำของพวกโคโบลด์

หลังจากที่เก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว ผมจึงสั่งให้อาสุเอะจังทำลายถ้ำให้เรียบร้อยและก็เป็นอันเสร็จเป้าหมายแรก

หลังจากนั้นผมสั่งให้พวกโคโบลด์ล่าสัตว์ไประหว่างทางกลับที่พักเพื่อหาอาหารไว้กินยามอนาคต และเมื่อเร็วๆนี้ผมรู้สึกชื่นชอบการล่าหมาป่าดำเป็นพิเศษอีกด้วย

ผมยังต้องการสัตว์เลี้ยงเพิ่มมากขึ้น ต้องการประสบการณ์ในการเชื่อมโยงสายสัมพันธ์ระหว่างสัตว์เลี้ยง และนั่นเองก็เป็นเหตุผลที่ผมมักจะออกตามหากลุ่มหมาป่าดำกลุ่มใหญ่ๆอยู่เสมอ

ในขณะที่ฝึกซ้อมมีความสำคัญอย่างมากที่จำเป็นต่อประสบการณ์ต่อสู้จริง ผมได้ฝึกซ้อมให้พวกเขาอยู่ 2 วัน สิ่งสำคัญตอนนี้คือการดูว่าพวกเขาจะสามารถใช้ประโยชน์ได้มากน้อยแค่ไหน 

แม้ว่าผมจะไม่ค่อยคาดหวังมากนักกับพวกโคโบลด์แต่พวกเขาก็พยายามได้อย่างดีที่สุด พวกเขาเดินตามที่ผมสั่งและจัดการวางกับดักจับกลุ่มหมาป่าดำได้ 12 ตัว

แม้ว่าบางคนจะถูกโจมตีจนบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ไม่ถึงกับเสียชีวิตเนื่องจากกำไลข้อมือผมได้ใส่ความสามารถ Regen ลงไปด้วย ดังนั้นจึงไม่เป็นปัญหาอะไรกับการโจมตีของพวกศัตรู

ผมกำลังคิดว่าพวกโคโบลด์นั้นทำงานได้เป็นอย่างดีเกินความคาดหมาย

สมองของพวกหมาป่าดำถูกผมบังคับให้เป็นสัตว์เลี้ยงอย่างรวดเร็ว และที่สำคัญพวกเราจับหัวหน้าหมาป่าดำได้อีกด้วย

หลังจากเสร็จสิ้นจากการจับหมาป่า ระหว่างทางพวกเราได้พบกับ Stamp Boar  ซึ่งเป็นหมูที่มีจมูกคล้ายกับก้อนหินเจาะด้วยวงแหวนเหล็ก

"ได้เวลาทดสอบความแข็งแรงหน่อยแล้ว !!" อาสุเอะจังพูดอย่างตื่นเต้นและขอลองเข้าไปทดสอบกำลังดูหลังจากที่เธอได้เลื่อนระดับเป็น Half Lord เธอฟาดอาวุธลงที่หัวของหมูอย่างจังเพียงครั้งเดียว ไม่เหลือเศษเสี้ยวของหัวเหลืออยู่ เลือดของมันสาดกระเซ็นไปทั่วพื้น ผมได้แต่ยืนมองตาปริบๆและพลางคิดในใจว่า พลังแขนของเธอนั้นช่างน่ากลัว นี่คงเป็นผลจากการที่เธอขุดเจาะถ้ำทุกๆวันแน่นอน

ในเวลากลางคืนผมได้รับการติดต่อจาก Blacksmith-san เธอต้องการให้ผมเข้าไปดูอุปกรณ์ที่เธอสร้างขึ้นใหม่

เมื่อผมไปถึง เธอหยิบ Halberd ของผมมาให้ซึ่งได้รับการซ่อมแซมเรียบร้อย อีกทั้งยังปรับปรุงให้มีความสามารถเพิ่มขึ้นด้วยหินวิญญาณ ผมได้ใช้มันต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับหมีเพลิงครั้งนั้น และผมไม่คิดว่าเธอจะซ่อมมันได้สำเร็จ มันมีขนาดเล็กลงไปมากเมื่อเทียบกับครั้งที่ผมยังเป็นฮ้อบก้อบลิน

ประการแรกเธอได้ใส่หินวิญญาณน้ำไปที่ใบดาบ ตัวดาบถูกซ่อมขึ้นใหม่โดยใช้แร่มิธริลเพื่อให้มีความแข็งแรงและความทนทานมากขึ้น เนื่องจากการผสมผสานหินวิญญาณน้ำลงไป ทุกครั้งที่ผมเหวี่ยงแขนจะมีแรงสั่นสะเทือนเป็นคลื่นน้ำออกมาเช่นเดียวกับมีดหินวิญญาณที่เคยทำขึ้น

อย่างไรก็ตามเมื่อผมเหวี่ยงมันเร็วขึ้น คลื่นน้ำที่เกิดจากการสั่นสะเทือนเปรียบเสมือนคมมีดและระยะโจมตีถูกขยายให้กว้างขึ้นถึง 3 เมตร

ความคมของมันเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งไม่ต้องกลัวว่าใบดาบจะสึกหลอเพราะว่ามีน้ำจากหินวิญญาณคอยช่วยป้องกันอีกชั้นหนึ่ง

ตรงด้ามของง้าวนั้นถูกฝังด้วยหินวิญญาณสายฟ้า ผมสามารถปล่อยสายฟ้าออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อโจมตีศัตรูในระยะใกล้อีกด้วย ผมคิดว่า ถ้าผมเสริมด้วยสกิล Triple Stab สายฟ้าจะฟาดออกมาถึง 3 ครั้งอย่างรวดเร็วและจัดการศัตรูจนหมดสิ้น

อาวุธใหม่ชิ้นนี้มันช่างสะดวกสบายจริงๆ

ส่วนหัวของง้าวยังฝังด้วยหินวิญญาณไฟ เมื่อผมทดสอบโดยการแทงจะมีเปลวไฟพุ่งออกมาเสริมพลังการทะลุทะลวงอีกด้วย ส่วนท้ายของง้าวนั้นถูกใส่หินวิญญาณดินเพื่อง่ายต่อการคุมพื้นที่จากความสามารถ  Earth Control ของผม

เหนือสิ่งอื่นใด  Blacksmith-san บอกกับผมว่าอาวุธของผมนั้นมีประสิทธิภาพสูงกว่าที่ผมเคยนั่งทำมีดหินวิญญาณซะอีก และเธอยังบอกอีกด้วยว่าเธอได้รับอาชีพใหม่ซึ่งเธอเก็บเป็นความลับเอาไว้ไม่ได้บอกใคร

อาชีพใหม่ที่เธอได้รับมานั้นก็คือ Spirit Smith ซึ่งเป็นอาชีพที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการทำอุปกรณ์จากหินวิญญาณ ซึ่งตามปกติแล้วการจะเป็นอาชีพนี้ได้นั้นค่อนข้างยากเนื่องจากต้องคลุกคลีกับหินวิญญาณพอสมควร ซึ่งในบรรดามนุษย์นั้นแทบจะไม่มีใครเป็นได้เพราะหินวิญญาณนั้นเป็นของที่หาได้ยาก

ดูเหมือนเธอจะแฮปปี้กับอาชีพใหม่ของเธอสุดๆ

ผมรู้สึกมีความสุขมากที่เธอเซอร์ไพร้ผมขนาดนี้ ผมจึงกอดเธอไว้แน่นๆ รอยยิ้มของเธอยามที่อยู่ในอ้อมแขนของผมช่างน่ารักเกินคำบรรยาย

ค่ำคืนนี้เป็นคืนที่ผมรู้สึกกระปรี้กระเปร่าสุดๆ