วันรุ่งขึ้น พวกเราฝึกฝนตามปกติภายนอกถ้ำ แต่จู่ๆก็มีกลุ่มก๊อบลินที่ผมไม่คุ้นหน้าปรากฎตัวขึ้น
แม้ว่าพวกเขาจะมองดูรุงรัง ไม่เป็นระเบียบ แต่ผมเห็นจำนวนสามในสี่ของกลุ่มพวกนั้นพกดาบสั้นและแบกขวานที่ดูใช้ได้เลยทีเดียว
พวกเขาสวมเพราะที่มีร่องรอยการต่อสู้ และ สามคนในนั้นเป็น ฮ้อบก๊อบลิน
หรือว่าสงครามเพื่อความอยู่รอดจะต่อยกสอง ? ผมมีความตื่นเต้นเล็กๆ แต่ก็ดูเหมือนการกลับมาของพวกเขาจะเป็นกลุ่มพี่น้องของเราที่แยกตัวออกไป
ปู่ก๊อบลินที่มาเห็นพอดี เลยเข้ามาบอกให้ผมอย่าเพิ่งโจมตีและถอยออกมาห่างๆ ผมเห็นดังนั้นจึงคิดว่าพวกเขาไม่ได้เป็นศัตรูจริงๆ ผมคิดว่าผมควรจะเข้าไปทักทายพวกเขาซักหน่อย
"เฮ้ ว่าไงพวก ยินดีที่ได้พบนะ "
แต่เดี๋ยวนะ โอ๊ะ โอวว แม้ว่าจะซ่อนอยู่เงาด้านหลังของก๊อบลินที่เป็นลูกน้อง แต่ผมสังเกตเห็นกระเป๋าสะพายใบใหญ่(คิดว่ามาจากการต่อสู้ครั้งล่าสุดของพวกเขา) และมีหญิงสาว 5 คนถูกมัดมือมัดเท้า และปิดปากเอาไว้ไม่ให้ส่งเสียง พอมองจากชุดแต่งกาย มี 4 คนสวมเสื้อผ้าธรรมดาและคนสุดท้ายสวมเกราะหนังผมคิดว่าน่าจะเป็นนักผจญภัยอะไรทำนองนั้น
เฉพาะหญิงสาวนักผจญภัยมีร่องรอยการซ้อมบนใบหน้าเล็กน้อย เสื้อผ้าของพวกเธอยังดูปกติดี ดูเหมือนพวกนั้นยังไม่ได้ทำการข่มขืนพวกเธอแม้ว่าจะจับได้มานานแล้ว
พวกเราไม่ค่อยได้มีโอกาสเห็นปู่ก๊อบลินดี๊ด๊าขนาดนี้ ใครจะไปคิดล่ะว่าภายในดินแดนแห่งนี้จะต้องมาเห็น สิ่งที่ดูอุบาทว์ชี้ตั้งขึ้นมาภายใต้ผ้าผืนบางๆนั่น
ระหว่างที่ ฮ้อบก๊อบลินพวกนั้นกำลังคุยกับปู่ก๊อบลิน เป็นใครก็เดาออกว่าพวกเขากำลังคุยกันเรื่องอะไร
ผมไม่มีความลังเลเกี่ยวกับการฆ่าหรือกินซักนิดเดียว แต่สำหรับเรื่องแบบนี้การบังคับผู้อื่นเป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบ แน่นอนว่าตามสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตมันต้องสืบพันธ์ต่อไป
แต่การตัดสินใจว่าเรื่องไหนถูกเรื่องไหนผิดนั้นมันต่างกันมาก ขนาดผมยังมีเพศสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานผู้หญิงในบางครั้งเพื่อคลายความเครียดเมื่อต้องไปทำงานในสถานที่อันตราย แต่ในสถาณการณ์เหล่านั้นคือพวกเธอยินยอมที่จะทำกับผม เพราะงั้นการถูกบังคับแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกแย่
สำหรับก๊อบลินพวกที่อ่อนแอการต่อสู้กับมนุษย์นั้นจำนวนเป็นสิ่งสำคัญ
หลังจากนั้นคือพลังการรบของกองทัพ
ดูเหมือนผมยังแคร์เรื่องแบบนี้อยู่ ในระยะเวลาสั้นๆหลังจากเกิดใหม่มันไม่ได้เปลี่ยนเส้นทางชีวิตของผมหรอกนะ กับการตัดสินใจของผมตอนนี้ผมต้องการที่จะช่วยพวกเธอ
มันดูเจ้าเล่ห์งั้นหรอ ? ก็ใช่แต่ว่าไม่ได้เป็นปัญหาอะไรนิ ถึงจะดูเจ้าเล่ห์ขนาดไหนแต่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย
ระหว่างที่ผู้นำของฮ้อบก๊อบลินกลุ่มนั้นกำลังคุยกับปู่ก๊อบลิน ผมจึงแทรกเข้าไปถามว่าขอให้ผู้หญิงพวกนั้นมาอยู่กับผมได้มั้ย
อีกครั้งที่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมปู่ก๊อบลินจึงมองผมด้วยใบหน้าแปลกๆ....ช่างมันเถอะ
ผู้นำฮ้อบก๊อบลิน ทำหน้าแบบเดียวกันและถามผมกลับ "แกพูดอะไรของแก" แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยืนยันคำพูดเดิม
สิ่งแรกในการเจรจาไม่ว่าคุณจะชอบฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ คุณควรเริ่มพูดถึงปัญหาของตัวเองก่อน และความเกลียดชังใดๆก็ควรจะเก็บไว้ก่อนถ้าเป็นไปได้
ผมพยายามพูดชักชวนให้เขาอดทนไว้ก่อน แต่ไอตัวปัญหานี่มันไม่รับฟังอะไรเลย นั่นคือมันเริ่มที่จะทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นมาบ้างละ
แต่ผมก็ยังพยายามโน้มน้าวต่อนะ แต่ไม่ช้าก็รู้ว่ามันเสียเวลาเปล่าๆและหยุดก่อนที่ก๊อบลินตัวอื่นๆในกลุ่มจะเริ่มเคืองผมละ
ผู้นำก๊อบลินชักดาบสั้นขึ้นมาและแกว่งมาที่คอหอยของผมแถมยังทำท่าเยาะเย้ยใส่ ขณะที่ผมกำลังชักดาบสวนขึ้นมา ก๊อบคิจิคุง ก็ทำแบบเดียวกันอยู่ข้างหลังถืออาวุธรอสัญญาณจากผม
ผมรู้สึกว่ามันเป็นการเจรจาที่ลำบากเกินไปละ ผมควรจะฆ่ามันทิ้ง ? ผมปัดดาบสั้นของผู้นำฮ้อบก๊อบลินและชักดาบ Estoc ที่เหน็บไว้ตรงเอวสวนขึ้นมา บรรยากาศตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
ก๊อบลินทั้งสองฝ่ายเตรียมที่จะรุกอย่างเต็มที่พร้อมกับถืออาวุธครบมือ และถ้าผมหรือผู้นำฮ้อบก๊อบลินขยับซักเล็กน้อย แน่นอนว่าทุกคนจะพุ่งเข้าไปพยายามฆ่าศัตรูที่อยู่ด้านหน้าของพวกเขา
เหตุผลที่ยังไม่มีใครขยับเป็นเพราะทุกคนรอสัญญาณจากผู้นำแต่ละฝ่ายอยู่ แต่สัญชาตณาณบอกเราว่าถ้าหากเริ่มต่อสู่้กันที่นี่ แต่ละฝ่ายจะเสียหายอย่างหนักโดยไม่เกี่ยงว่าใครจะเป็นผู้ชนะ
พอนับดูแล้วพวกเขามี 28 คนในขณะที่พวกเรามีถึง 39 ในด้านจำนวนพวกเรานั้นได้เปรียบกว่า แต่ประสบการณ์ต่อสู้จริงของพวกเขานั้นเนื้อกว่าเรา
ว่ากันตามตรงผมยังคิดไม่ออกว่าฝ่ายไหนจะชนะถ้าหากต้องสู้กันตริงๆ และถ้าหากการต่อสู้เริ่มต้นมันจะสร้างความเสียหายอย่างหนักสำหรับทั้งสองฝ่าย
ด้านหนึ่งพวกก๊อบลินแก่ๆกำลังเฝ้ามองอยู่ แต่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรและดูเหมือนจะชื่นชอบด้วยซ้ำกับสิ่งที่เกิดขึ้นพวกเขาจึงสังเกตการณ์อย่างเป็น
กลาง
ในระยะเวลาสั้นๆที่พวกเราจ้องหน้ากัน แต่เนื่องจากผมมองว่าการกระทำดังกล่าวจะเป็นปัญหามากกว่าความคุ้มค่า ผมจึงเตรียมความพร้อมที่จะต่อสู้และก้มไปข้างหน้าเล็กน้อย ด้วยพลังของผมมือที่กำลังถือ Estoc อยู่ผมเล็งปลายดาบให้ชี้ตรงไปยังหัวใจของผู้นำฮ๊อบก๊อบลิน ขาของผมตั้งท่าเตรียมความพร้อมที่จะพุ่งไปแทงฮ้อบก๊อบลิน
ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนลั่นขึ้นมาจนทำให้ทุกคนหยุดชะงักและหันไปหาที่มาของเสียง เจ้าของเสียงเป็นฮ้อบก๊อบลินกับก๊อบลินสามตัวที่อยู่ด้านข้าง
เธอเป็นฮ้อบก๊อบลินเพียงคนเดียวที่ใช้เวทมนต์ได้และในมือถือไม้คทาอยู่ เธอกล่าวว่า "อย่าลากพวกเราเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัวของพวกนายสิ" และ "ให้คนเป็นผู้นำตัดสินกันเอง คนที่แข็งแกร่งที่สุดจะเป็นคนคุมที่นี่"
เพราะเป็นนักเวทย์ทำให้รู้สึกว่าสติปัญญาเธอสูงกว่าคนอื่นๆ และเธอมีการตัดสินใจที่สงบนิ่ง
"นายใช้เวทมนตร์ก็ไม่ได้ แต่แข็งแกร่งกว่าผู้ชายคนนี้งั้นหรอหะ ?" หลังจากได้ยินแบบนั้นผู้นำฮ้อบก๊อบลินก็เริ่มถอยห่างอย่างไม่เต็มใจ
มันจึงได้ข้อสรุปที่การต่อสู้ระหว่างผู้นำของเหล่าก๊อบลินจะถูกจัดขึ้นว่าใครจะเป็นผู้ปกครองทั้งหมด
กฏนั้นง่ายมาก คือไม่ได้รับอนุญาติให้ใช้อาวุธและสังหารอีกฝ่าย การต่อสู้จะจบลงเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมแพ้หรือหมดสติ ปู่ก๊อบลินจะเป็นผู้ตัดสินการต่อสู้ มันเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่อายุเยอะที่สุดและมองทุกอย่างอย่างเป็นกลาง
ผมรู้สึกประหลาดใจที่เหล่าก๊อบลินฝั่งตรงข้ามเริ่มที่จะวางพนันในช่วงของการเตรียมตัว พวกเขามีความคิดที่จะเล่นพนันแล้วหรอ ? ส่วนของเดิมพันก็เป็นพวกเหรียญทองแดงและเหรียญเงิน
เยี่ยม ! แบบนี้ค่อยทำให้รู้สึกสนุกเข้าไปใหญ่ ในขณะเดียวกันก๊อบลินฝั่งผมพวกเขานั่งพักและรอดูการต่อสู้อย่างใจจดใจจ่อ นี่มันเกินกว่าที่ผมคาดไว้มาก
ส่วนผู้หญิงทั้ง 5 คนนั้นถูกเสนอให้เป็นรางวัลของผู้ชนะ จึงไม่ต้องกังวลถ้าหากจะมีใครเล่นอะไรผิดกติกา ทั้งหมดนี้มันดีกับตัวพวกเขาซะมากกว่า ใช่ว่าผมจะกลัวพวกเขาหรอกนะ แต่แค่ตอนนี้ต้องอดทนเอาไว้ก่อน
หลังจากการเตรียมตัวเสร็จสิ้น การต่อสู้จะเริ่มต้นเมื่อผู้นำของแต่ละฝ่ายตัดสินใจ
ด้านนั้นเป็นทหารผู้ผ่านศึกมายาวนานดูจากรอยแผลตามร่างกายและเหล่าผู้ติดตามจำนวนมาก ดูเหมือนเขาจะภูมิใจกับความสำเร็จของตัวเองพอควร
ทางด้านของผม คือเหล่าก๊อบลินที่ได้รับการฝึกทั่้วๆไป และผมได้เลื่อนระดับเป็นฮ้อบก๊อบลินพันธุ์พิเศษ
ส่วนใหญ่การเดิมพันจะวางไปทางนู้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่สำคัญหรอกเพราะผมจะจัดการเขาอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่อะไรนะ ผมแค่จะบอกว่าสุดท้ายผมก็คือผู้ชนะ และได้รางวัลไปครองเท่านั้นเอง ฮ่าๆ
เสียงการต่อสู้เริ่มขึ้น
ผมหยุดการเคลื่อนไหวของเขาเหมือนกับงูจ้องที่จะกินกบด้วย [Evil Eye] ต่อด้วย [Intimidating Roar ขู่คำราม] แค่นี้ฝ่ายตรงข้ามก็แทบจะหมอบกราบผมในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังสับสนในความสามารถทั้งสองของผม ในเวลาเดียวกันผมห่อร่างกายเขาด้วยเส้นใยของผม จากนั้นผมก็ลากเขาไปแขวนไว้บนต้นไม้เหมือนกับกระสอบทราย
เหมือนว่าผมจะเล่นโกง แต่ปู่ก๊อบลินตัดสินว่าเส้นใยของผมนั้นมาจากร่างกายของตัวเองเช่นเดียวกับน้ำลาย เพราะงั้นมันจึงไม่ถูกนับว่าเป็นอาวุธเพราะงั้นมันจึงไม่เป็นปัญหาใดๆ
หลังจากที่ผมทำให้เขากลายเป็นกระสอบทราย และแล้วก็ถึงช่วงเวลาของการใช้ความรุนแรง ในเวลานั้นผมพยายามจะจัดการเขาอย่างง่ายๆโดยที่ไม่ฆ่าเขา แต่ผู้ชายคนนี้ดันสะเออะตะโกนสิ่งที่ไม่ค่อยน่าฟังเท่าไหร่
"ฉันเป็นผู้นำ! แกไม่มีความละอายเลยงั้นหรอ แกกล้าที่จะเล่นวิธีสกปรก !!? " แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองเลย ดังนั้นผมจึงจัดใส่เขาซะเต็มแรง
ผมเรียกหมัดนี้ว่า การตัดสินของพระเจ้า และแน่นอนผมไม่ยอมให้เขาพูดอะไรน่าเบื่อๆอย่าง "ฉันขอยอมแพ้" ผมจึงยัดเส้นใยของผมอุดปากของเขาซะ
หลังจากผมชกเขาเสร็จ เขาเงียบไปถึง 3 นาที แต่ดูเหมือนเขายังคงมีสติอยู่นิดหน่อยผมจึงเล่นกับเขาต่ออีกราวๆ 10 นาที สภาพตอนนี้อย่างกับถุงเลือดไม่มีผิด
เฮ้ ผมยังไม่ได้ฆ่าเขานะ เขายังมีเสียงครวญครางอยู่นิดหน่อย แม้ว่าผมจะอัดเขาอย่างต่อเนื่อง 10 นาที ร่างกายส่วนซ้ายยังคงมีสภาพดีอยู่
ผมหยุดเนื่องจากเขาหมดสติไปแล้ว จากการตัดสินของผมคิดว่า กระดูกของเขาบางส่วนแตกหักแต่อวัยวะภายในยังไม่ฉีกขาด ถ้าผมปล่อยไปแค่นี้เขาก็จะรอดตาย
หลังจากนั้นผมรวบรวม “Healing Grass” สมุนไพรรอบๆ และแมลงหลายๆชนิดมาผสมกับน้ำและบังคับให้เขาดื่มเพื่อรักษาร่างกาย จากนั้นผมจึงตัดเส้นใยลงและปล่อยให้เขานอนกลิ้งกับพื้น
ผมไม่ได้ใจดีหรอกนะ แต่ทำการรักษาเล็กๆน้อยๆเพื่อที่เขาจะอาการดีขึ้นในวันพรุ่งนี้โดยที่ไม่ต้องนอนพักฟื้นไปนานๆ
หลังจากเสร็จงานของผม คนอื่นๆถอยห่างจากผมไปซะไกล ผมรู้สึกว่าได้ทำอะไรบางอย่างสำเร็จ ฮ่าๆ ในขณะที่ก๊อบลินด้านของเรานั้นยังคงดูสงบนิ่งได้ดีกว่าคนอื่นๆ แต่ยังมีความหวาดกลัวในดวงตาของพวกเขา
หลังจากนั้นพวกเขาพยายามที่จะวิ่งหนีผมทุกครั้งที่ผมเดินเข้าไปใกล้
เฮ้! ทำแบบนี้ฉันเสียความรู้สึกนะเฟ้ย....
ก๊อบมิจังทำหน้าสงสัยเกี่ยวกับเส้นใยของผม ไม่มีทางที่จะเธอจะเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์พอนึกถึงฉากอันน่าสะพรึ่งกลัวเธอก็ทำหน้าเหวอใส่ผม
หน้าตาผมหน้ากลัวขึ้นรึไง ? ไม่ใช่ว่านี่มันเป็นหน้าปกติหรอกเร๊อะ ?
ดูเหมือนจะมีแค่ผมคนเดียวที่คิดแบบนั้นสินะ
แต่มันเป็นเรื่องจริงนี่นาา ก๊อบคิจิคุง นายก็คิดแบบนั้นใช่มั้น ?
เอ่อ.....นายก็เป็นไปกับเขาด้วยหรอเนี่ย แล้วก๊อบเอะจัง...?
โอเค โอเค ถ้าเป็นเช่นนั้น กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกลายเป็นคนไร้เพื่อนไปแล้ว
หลังจากนั้นผมถอนหายใจและถามต่อว่ามีอะไรท้าทายกว่านี้มั้ย จากตำแหน่งที่ชัดเจนของผมตอนนี้ ผมหวังว่าปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นภายหลังจะลดลง
ท้ายที่สุดไม่มีผู้ท้าชิงอีกแล้ว ผมจึงกลายเป็นผู้ปกครองของเหล่าก๊อบลินในชุมชนอย่างเป็นทางการ
ผมอธิบายกฏระเบียบและห้ามแตะต้องผู้หญิงอย่างเคร่งครัดก่อนที่จะให้ทุกคนแยกย้าย จากนั้นผมจึงเดินไปแก้มัดเชือกให้พวกเธอและให้พวกเธอเข้าไปอยู่ในถ้ำที่เดียวกับผู้หญิงที่น่าสงสารที่เคยโดนข่มขื่นและตายอย่างสิ้นหวัง
ผมขู่พวกเธอไปแบบนั้น ที่ทำแบบนี้เพราะมันจะลำบากถ้าหากพวกเธอหนี ผู้หญิงทั้ง 5 คนไร้อาวุธ วิ่งหนีไปในป่าไม่นานพวกเธอก็ถูกฆ่าตายหรือถูกกิน และตั้งแต่ที่ผมผ่านเรื่องพวกนั้นมาผมตั้งใจจะช่วยพวกเธอและไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก
ผมเดินไปส่งพวกเธอด้านในของถ้ำ และมีการสนทนาเล็กน้อยด้วยความสามารถ [Human Language] เพื่อเติมเต็มความต้องการขั้นต่ำของพวกเธอนั่นคือการพูดคุย
ไม่นานนักก่อนที่จะมาถึง ผมเอาไฟฉายที่ผมทำก่อนหน้านี้และก่อไฟเพื่อให้เป็นแหล่งกำเนินแสงสว่าง ก๊อบลินนันมี [Night Vision] อยู่แล้วแต่มันเป็นเรื่องยากสำหรับมนุษย์ที่จะมองเห็นในที่มืด
หลังจากเตรียมทุกอย่างเสร็จ เราเริ่มการสนทนาของเรา ผมสัญญากับพวกเธอว่าจะไม่เอาชีวิตพวกเธอและผมจะมอบอาหารกับสิ่งจำเป็นอื่นๆที่มีให้แก่พวกเธอ ผมยังบอกอีกว่า ถ้าหากมีใครเขามาทำร้ายผมจะทำการลงโทษคนั้นด้วยตัวเอง และผมจะกลับมาเยี่ยมเป็นพักๆ
ผมคิดว่านี่ผ่านมาราวๆ 5-6 ชั่วโมงได้ละ เนื่องจากการชวนคุยของผม ผมไม่รู้ว่าผมยัดเยียดหรือพวกเธอมีเหตุผลอะไรบางอย่าง พวกเธอจึงเริ่มที่จะพูดกับผมบ้างแล้ว
คนแรกอยู่ในท่าทางสงบนิ่งที่สุด เธอเป็นนักผจญภัยสาวผมสั้น สีแดงดั่งเปลวเพลิง ที่ครอบครองทั้งความแข็งแกร่งและน่ารัก มันชวนให้ผมนึกถึงสัตว์ตัวจ้อย จากการพูดคุยกับสาวผมแดง ผมได้ข้อสรุปว่าผู้หญิงทั้งสี่เป็นกลุ่มคนเร่ขายของจาก «Star God's Pavilion».[หมู่บ้านซักหมู่บ้านหนึ่ง]
สำหรับตัวสาวผมแดงเอง เธอเป็นสมาชิกของสมาคมดาบแห่งความอ่อนแอและได้รับการว่าจ้างให้เป็นยามสำหรับ «Star God's Pavilion»
ดาบแห่งความอ่อนแอ ดูเหมือนจะประกอบไปด้วยนักผจญภัยวัยหนุ่มสาวทั้งนั้น ขณะที่ผมคิดถึงอาชีพที่มีอยู่ในนั้น นโยบายหลักของสมาคมคือการบำรุงความแข็งแกร่งของแต่ละคนโดยการสนับสนุนซึ่งกันและกัน
แม่สาวผมแดงนั้นเป็นอาชีพนักรบ [Job - Warrior] และแสนจะอ่อนแอ ต้องการเป็นกำลังให้สมาชิกของพวกเขา
แล้วทำไมสิ่งต่างๆพวกนี้ถึงเกิดขึ้นล่ะ ? พวกเธออธิบายสั้นๆว่า ปาร์ตี้ของพวกเธอเดินทางผ่านเส้นทางหลักที่มีการป้องกันของเมือง « Trient »
→ พวกเธอโดนซุ่มโจมตีด้วยลูกธนูอาบยาพิษจากก๊อบลิน
→ พวกผู้นำและสมาชิกคนอื่นๆที่ตามมาถูกฆ่าตายทั้งหมดจากการโจมตีครั้งแรก
→ ในบรรดานักผจญภัยทั้งหมดที่คุ้มกันพวกเธอเป็นพวกมือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ แต่ก๊อบลินมีทักษะการต่อสู้เป็นกลุ่ม (โดยเฉพาะสามฮ้อบก๊อบลิน) ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางสู้ได้เลย
→ นอกจากนั้นยังมีการโจมตีจาก ฮ้อบก๊อบลินนักเวทย์ จึงเป็นเรื่องยากที่จะป้องกัน
→ เมื่อฝ่ายตรงข้ามมีนักเวทย์ แม้ว่าจำนวนครั้งที่ใช้จะมีจำกัด ความสามารถในการต่อสู้ก็ยังสูงกว่าคนปกติทั่วไป และไม่มีทางที่นักผจญภัยทั่วไปจะสามารถจ้างคนที่มีอาชีพ [Job - Magician] ได้เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่สูงมากๆ
→ ผลสุดท้ายทำให้พวกเธอถูกปราบอย่างง่ายดาย อาวุธและสินค้าต่างๆถูกปล้น ผู้ชายทุกคนถูกฆ่าตาย ส่วนผู้หญิงที่รอดมาได้ก็โดนจับมาจนถึงตอนนี้
ผมไม่ควรที่จะบอกว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะทำใจ ไม่ต้องพูดถึงทุกคนที่โดนฆ่านอกเหนือจากสาวๆเหล่านี้เลย ผมคงพูดได้แค่ว่าช่างโชคร้ายเสียจริง หลังจากที่เล่าให้ผมฟังทั้งหมด พวกเธอจึงไม่สามารถอดกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีกต่อไป
เป็นอย่างที่คาดไว้ หวังว่าพวกเธอคงจะเก็บความรู้สึกของพวกเธอเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกับก๊อบลินที่ฆ่าเพื่อนของพวกเธอได้ ดังนั้นผมจึงคิดว่านอกจากความเจ็บปวดแล้วคงไม่มีอะไรมากไปกว่านี้
ก่อนที่ผมจะจากไปผมทิ้งไฟฉายกับผ้าห่มบางๆไว้ให้พวกเธอ ตอนนี้ผมควรจะปล่อยให้พวกเธอร้องไห้และจัดการกับความรู้สึกของพวกเธอไปก่อน
เอาล่ะ ผมควรจะเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับอาชีพได้แล้ว [Job]
สำหรับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์
เช่น พวกกึ่งมนุษย์ , บีทส์แมน และมอนสเตอร์ตัวอื่นๆ
มีกฏในโลกนี้ว่า [Rank Up(Evolution)]และกฏนี้ใช้ไม่ได้กับพวกมนุษย์
แต่ในการแลกเปลี่ยนสำหรับสิ่งนี้คือ ระบบอาชีพมีจำนวนที่กว้างขวางมากหลังจากได้รับมา โดยพื้นฐานแล้วมนุษย์นั้นอ่อนแอกว่าพวกมอนสเตอร์
ดังนั้นเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเขา พวกเขาจะทำการ
[Blessings(รับพร)/Improvements(ปรับปรุงส่วนต่างๆ)] ในร่างการของเขาโดยได้รับจากการซื้อต่อจากอาชีพอื่นๆ เป็นจำนวนมาก
อาชีพของแต่ละคนมีข้อกำหนดและต้องเข้มงวดมากๆกับการที่จะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อต่อสู้กับศัตรูที่เก่งกว่า
นอกจากนี้ทุกคนยังสามารถที่จะยกระดับอาชีพของพวกเขาโดยใช้เวลาและสิ่งของจำเป็น ก็เป็นไปได้ที่จะ [Rank Up (promotion)]เพื่อระดับที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ยังมีระดับที่เรียกว่า [Great Men(นักรบผู้ยิ่งใหญ่)] และ [Heroes(วีรบุรุษ)] ที่พัฒนาขึ้นมาจากอาชีพของพวกเขา แต่อย่าเพิ่งหัวเราะไปนะเพราะคนที่เป็นวีรบุรุษนั้นมีอยู่จริงๆ
พูดง่ายๆก็ มอนสเตอร์จะ [[[Rank Up]] (Evolution)] จากลักษณะของตัวเองและเพิ่มความสามารถทั้งหมดได้ในครั้งเดียว ในขณะที่พวกมนุษย์จะเติมโตช้ากว่ามอนสเตอร์ แต่ทุกคนจะสามารถที่จะได้รับพลังถ้าหากใช้เวลากับมัน
มันก็เป็นเช่นนี้แหละ ทั้งการยกระดับโดยก้าวกระโดดเพียงครั้งเดียว หรือจะเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ แต่แน่นอนการยกระดับหนึ่งครั้ง มันหมายถึงทั้งความแข็งแกร่งคุณภาพและปริมาณ โดยวิธีการเหล่านี้ยืนยันโดย ปู่ก๊อบลินคนเดิม.
แปลโดย : Shiba Inu